สื่อเวียดนาม-ไทย ฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 20 ปี อย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงฮานอย เชิญนางสาวไทยปี 55 และรองฯ 2 คน ร่วมงานในฐานะทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยวและทูตการค้า เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามและไทย
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นายวิชัย วลาพล ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ส่งคณะผู้แทนสื่อมวลชนไทยจากสมาคมสมาชิกทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ จำนวน 22 คน ไปร่วมฉลองครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนเวียดนามและไทย ที่กรุงฮานอย ระหว่างวันท่ี 24-27 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม จัดงานฉลองอย่างย่ิงใหญ่ที่โรงแรมเมเลีย กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ช่วงเช้า มีผู้บริหารระดับสูงของวงการสื่อมวลชนเวียดนามเข้าร่วมงานมากมาย พร้อมทั้งเชิญนายเจิ่น ดึก ไหล รมช.สารสนเทศและการสื่อสาร ของเวียดนาม และนายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เข้าร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานการฉลองความสัมพันธ์นอกจากนี้สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เชิญ น.ส.ปริศนา กัมพูสิริ นางสาวไทยปี 2555 พร้อมด้วย น.ส.ปรุณณิศา ศิริสังข์ รองอันดับ 1 และ น.ส.ณัฐอร โสภณ รองอันดับ 2 ไปร่วมงานด้วยในฐานะทูตวัฒน ธรรม ทูตการท่องเที่ยวและทูตการค้า เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ระหว่างไทยและเวียดนาม โดยมีทีมงานไปถ่ายทำรายการโทรทัศน์ด้วย นายต่วน หู ประธานสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม กล่าวในฐานะหัวหน้าคณะสื่อมวลชนเวียดนาม ว่า การจัดฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 20 ปี แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและเป็นมิตรที่ดีต่อกันระหว่างสื่อมวลชนเวียดนามและไทย ขอขอบคุณนายบัณฑิต รัชวัฒนธานินทร์ ผู้เริ่มต้นเชิญคณะสื่อมวลชนเวียดนามไปเยือนประเทศไทยเมื่อปี 2533 พร้อมทั้งมีการลงนามข้อตกลงแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนกันระหว่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนามกับสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สื่อมวลชนทั้ง 2 ประเทศ ได้เผยแพร่ข่าวสารและบทความส่งเสริมการสร้างความเข้าใจอันดีต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การจัดงานฉลองครั้งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างย่ิงด้านนายบัณฑิต รัชวัฒนธานินทร์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะ ส่่ือมวลชนไทย กล่าวถึงการเริ่มต้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ว่า เมื่อปี 2532 ขณะดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน ได้รับเชิญจากสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนามมาเยือนเวียดนาม จึงริเร่ิมเชิญผู้แทนจากสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม ไปเยือนประเทศไทยเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กัน ในปี 2533 ได้มีการลงนามข้อตกลงกันที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวีดยนาม สำหรับสาระสำคัญของข้อตกลงคือ ร่วมเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสื่อมวลชนและประชาชนของทั้งสองประเทศ ที่เป็นมิตรที่ดีต่อกันให้ดีย่ิงๆขึ้น ร่วมกันให้การสนับสนุนการพัฒนาบ้านเมืองและประชาชนของทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนจัดคณะผู้แทนสื่อมวลชนไปเยือนซึ่งกันและกัน ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนไทยและเวียดนามได้พัฒนาความสัมพันธ์เจริญขึ้นมาก ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศอันเป็นที่รักของเราทั้งสอง เห็นได้จากผู้แทนสื่อมวลชนที่ได้แลกเปลี่ยนไปเยือนซึ่งกันและกัน กลับไปเขียนและนำเสนอต่อประชาชน ก่อให้เกิดความเข้าที่ดีในหมู่ประชาชนทั้งสองประเทศอย่างประเมินค่ามิได้ และในโอกาสที่ไทยและเวียดนามเป็นสองประเทศในกลุ่มอาเซียนที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอีก 2 ปีข้างหน้า หวังว่าจะมีความใกล้ชิดกันยิ่งๆขึ้น นายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยที่ได้รับเชิญไปเป็นสักขีพยาน ในการฉลองครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนไทยและเวียดนาม กล่าวในพิธีว่า การเฉลิมฉลองครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพที่ทั้งสององค์กรมีให้กันมาตลอด ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของความร่วมมือระหว่างกัน ประเทศไทยและเวียดนามได้ส่งเสริมมิตรภาพ และได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในทุกมิติและทุกระดับ "ในปีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองก้าวสู่จุดที่สำคัญอย่างย่ิง โดยระหว่างการเยือนประเทศไทยของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายกรัฐมนตรีไทยและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความม่ันคง วัฒนธรรมและการศึกษา ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและความร่วมมือในภูมิภาค ความร่วมมือของสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนาม และสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก็เป็นตัวอย่างความสำเร็จของความเชื่อมโยงภาคประชาชน ในโอกาสจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สื่อมวลชนก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างทัศนคติของคนต่างชาติต่างวัฒนธรรม เสริมสร้างมิตร ภาพและความร่วมมือระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งประชาคมอื่นๆในภูมิภาคและโลกต่อไปนายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะตัวแทนสื่อมวลชนไทยว่า การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ถือเป็นวันสำคัญอันย่ิงใหญ่ของสื่อมวลไทยและเวียดนาม ที่ได้ทำหน้าที่อันเป็นภาระย่ิงใหญ่ในการเสริมสร้างความเข้าอันใจต่อประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยและเวียด นาม ได้นำเสนอข่าวสารและบทความต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเกิดความรู้สึกเป็นมิตรที่ดีต่อกัน กล้าที่จะเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยว เห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวเวียดนามไปเที่ยวประเทศไทยปีที่ผ่านมาเกือบ 300,000 คน เช่นเดียวกันชาวไทยมาท่องเที่ยวไม่น้อยไปกว่ากัน และกล้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างองค์กรสื่อมวลชนทั้งสองประเทศ "ในการมาฉลองความสัมพันธ์ครั้งนี้ ได้เชิญคณะนางสาวไทยในฐานะทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยวและทูตการค้า มาทำหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย และจะมีการจัดฉลองครบรอบ 20 ปีนี้อีกครั้ง ที่ประเทศไทย ระหว่างการเยือนประเทศไทยของคณะสื่อมวลชนเวียดนาม วันเดียวกัน นายเหวียน บัค ซอน รมว.สารสนเทศและการสื่อสาร ของเวียดนาม ได้จัดพิธีต้อนรับคณะสื่อมวลชนไทยและคณะนางสาวไทย ที่กระทรวงฯ ช่วงบ่าย โดยกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนทั้งสองประเทศที่ได้ช่วยเสริมความเข้าใจอันดีต่อประชาชนซึ่งกันและกัน ทางการะทรวงฯก็พร้อมให้การสนับสนุน การเสริมสร้างความสัมพันธ์ของสื่อมวลชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ตลอด 3 วันในการเยือนเวียดนาม คณะผู้แทนสื่อมวลชนไทยยังได้เยี่ยมชมหน่วยงานสื่อสารมวลชนของเวียดนามหลายแห่ง อาทิ สถานีวิทยุเวียดนาม(VOV), สถานีวิทยุและโทรทัศน์ฮานอย และสมาคมนักหนังสือพิมพ์จังหวัดนินบินห์.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
ปลื้มฉลองใหญ่สื่อไทย-เวียดนาม สานสัมพันธ์ครบรอบ20ปี
