ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที จากท่าเรือตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ด้วยการโดยสารเรือเฟอรี่ ก็สามารถเดินทางสู่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซียได้ในอัตราค่าโดยสารเพียง 600 บาทต่อเที่ยว เกาะลังกาวีอยู่ในเขตปกครองของรัฐเคดาร์ ของมาเลเซีย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มีอยู่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้น เช่น อันเดอร์วอเตอร์เวิลด์ ลังกาวีเคเบิลคาร์ เป็นต้น แต่สิ่งที่ทำใหันักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมมาที่นี่ เป็นเพราะเกาะนี้มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีที่นำเข้าจากยุโรป ประเภท สุรา บุหรี่ น้ำหอม ช็อกโกแลต เครื่องแก้ว เป็นแรงดึงดูด โดยแต่ละวันมีเรือเฟอรี่วิ่งไป-กลับลังกาวี วันละ 3 เที่ยว นอกจากนักท่องเที่ยวคนไทยผู้นิยมไปเที่ยวเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าแล้ว ลังกาวียังมีนักท่องเที่ยวสำคัญคือกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรป รัฐบาลได้ถมทะเลเพื่อสร้างเกาะส่วนตัวไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากตะวันตกที่ชื่นชอบการอาบแดดขึ้นอีก 2 เกาะ เพิ่มเติมจากเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีอยู่ถึง 99 เกาะ นอกจากนี้ยังเน้นทำตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยจะเลือกพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวบนเกาะซึ่งมีให้เลือกหลายแห่ง นอกจากความสะดวกสบายสำหรับเกาะลังกาวีของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังชื่นชอบที่จะมาสัมผัสฝน จนมีชื่อเรียกขานว่าทัวร์อาบน้ำฝน หลังจากใช้ชีวิตหรูหราบนเกาะลังกาวีแล้ว กลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกจะเดินทางมาดำน้ำดูปะการังต่อยังเกาะหลีเป๊ะ โดยใช้เวลานั่งเรือ
เฟอรี่ประมาณ 1 ชม. จังหวัดสตูลนอกจากจุดข้ามแดนทางน้ำจากท่าเรือตำมะลัง ยังมีจุดผ่านแดนวังประจัน อ.ควนโดน ชายแดนติดกับรัฐเปอร์ริสของมาเลเซีย ในอดีตนั้นเป็นช่องทางเข้าออกสัญจรไปมาของประชาชนสองประเทศ ต่อมามีพ่อค้าชาวมาเลเซียนำสินค้าจากมาเลเซียมาขายจึงมีประชาชนมาจับจ่ายซื้อขายกันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันด่านวังประจันมีตลาดค้าชายแดนทั้งฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซียคือวังเกลียน ถือเป็นจุดแวะจับจ่ายซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่มาเที่ยวทะเล
ย่านอันดามันแล้วจะแวะมาซื้อหาสินค้ากลับไป ซึ่งสินค้าฝั่งไทยนั้นเป็นอาหาร ของใช้ หม้อ กระทะ ผ้าห่ม ของเล่น ข้าวสาร ส่วนใหญ่เป็นสินค้าผลิตจากประเทศจีน และสินค้าที่ผลิตในเมืองไทย ส่วนฝั่งมาเลเซียสินค้าประเภทจักรยาน เตาแก๊ส ของกินของใช้ ผลไม้ น้ำหอม น้ำมันพืช เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาจับจ่ายซื้อของประมาณ 800-1,000 คน มีเงินสะพัดวันละนับล้านบาท มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าในฝั่งไทย 500 ร้าน ผู้คนจะคึกคักในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ วนวัฒน์ ทัศนเสถียร นายด่านศุลกากรผู้อำนวยการสูงด่านศุลากรวังประจัน เล่าว่า จุดเด่นของด่านตรงนี้ผู้คนสามารถข้ามไปมาซื้อสินค้าได้สองฝั่งโดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางและมีตลาดทั้งสองฝั่ง ถ้าเทียบกับด่านอื่นเช่นปาดัง สะเดา ต้องทำเอกสารผ่านแดน สินค้าผ่านแดนสำคัญของจุดนี้คืออะไหล่เครื่องบีบปาล์มมีมูลค่าปีละ 10 ล้านบาท เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่อยู่ที่จ.สตูล สินค้ากระจายไปที่กระบี่ พังงา สุราษฎร์ฯ รองลงมากุ้งเคย แต่สินค้าขาออกด้านนี้ไม่มีเพราะขาดผู้ประกอบการด้านส่งออก ประกอบกับเส้นทางฝั่งมาเลเซียคดเคี้ยวขึ้นเขาการขนส่งด้วยรถใหญ่ลำบาก “คิดว่าเส้นทางนี้น่าจะนำสู่การท่องเที่ยวมากกว่า เพราะใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอันดามัน กระบี่ พังงา” ขณะที่ เหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สนับสนุนให้เปิดด่านวังประจัน ซึ่งเป็นด่านทางบก หลังจากที่มีการศึกษาด่านทางบกระหว่างรัฐเปอร์ริสกับสตูลแต่ปรากฏว่าผลการพิจารณาด่านในชายแดนไทยไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพราะติดปัญหาเรื่องพื้นที่ป่าชายเลน ขณะที่มาเลเซียได้สร้างเส้นทางมาเชื่อมไว้แล้ว อย่างไรก็ตามทางฝั่งไทยได้เสนอเส้นทางบกเส้นใหม่ โดยกรมทางหลวงได้ใช้งบประมาณศึกษาความเป็นไปได้จำนวน 35 ล้านบาทเพื่อเจาะเป็นอุโมงค์ลอดเขาระยะทาง 2 กม.เข้าสู่มาเลเซีย ซึ่งผลการศึกษาอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวต่อว่า การเปิดจุดผ่านแดนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและเออีซีทางจังหวัดได้เสนอสภาความมั่นคงขอเปิดจุดผ่านแดนบริเวณเกาะหลีเป๊ะเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากเกาะลังกาวี เพราะนักท่องเที่ยวต้องมาประทับตราผ่านแดนยังด่านตำมะลังแล้วนั่งรถไปท่าเรือปากนราต่อเรือไปเกาะหลีเป๊ะใช้เวลา 3-4 ชม.แต่ถ้านั่งเรือจากเกาะลังกาวีใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ตอนนี้จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้ ตม.ไปประทับตรายังนอกเขตท่าเรือชั่วคราว ซึ่งถือว่ายังไม่ปลอดภัย ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสภาความมั่นคงเห็นชอบในหลักการแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนออกแบบเพื่อของบก่อสร้างที่ทำการ ส่วนความพร้อมของเกาะหลีเป๊ะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดคนเดิมบอกว่าขณะนี้มีห้องพักราว 5,000-6,000 ห้องและมีนักธุรกิจมาเลเซียหุ้นกับคนไทยกำลังเปิดโรงแรมเพิ่ม เช่นเดียวกับในจังหวัดสตูลขณะนี้มีนักธุรกิจเตรียมเปิดโรงแรมฮาลาลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวผู้นับถือศาสนามุสลิม “สตูล”จังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้วางทิศทางไว้ว่าจะเป็นจุดผ่านแดนที่โดดเด่นด้านท่องเที่ยวเมื่อประตูเออีซีเปิด.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
ด่านชายแดนสตูล-มาเลเซียโอกาสด้านท่องเที่ยว