สนับสนุนเว็บ

ผู้เขียน หัวข้อ: อัยการสูงสุดแถลงนโยบายยึดหลักมืออาชีพ  (อ่าน 82 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Permalink: อัยการสูงสุดแถลงนโยบายยึดหลักมืออาชีพ

04/ต.ค./13 หัวข้อไอดี: 16022690 | ลิ้งค์หัวข้อ: /topic/16022690

ออฟไลน์ นๅยด้ามขวาน

  • ออฟไลน์
  • 49115
    30336
    64972



  • Administrator
  • *****
  • สมัครสมาชิกเมื่อ 17/07/2009
    YearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYears
  • กระทู้ : 49115
  • Like Post : 64972
  • Peny : 30336
  • 16

    • ดูรายละเอียด


  • เข้าใช้งานล่าสุดเมื่อ 22/พ.ค./24



     อัยการสูงสุด แถลงนโยบายยึดหลักมืออาชีพ รวดเร็ว เที่ยงธรรม เปิดเผย เตรียมตั้งโฆษก อสส. 10 ต.ค.นี้  เผย คดี"ทักษิณ"ก่อการร้าย สั่งฟ้องบางข้อหา แง้มปลายเดือนต.ค.ลุ้นเปิดข้อมูลบุคคลสำคัญ                                                                          
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด แถลงนโยบายสำนักงานอัยการสูงสุด ภายหลังรับตำแหน่งใหม่ว่า การทำงานในยุคนี้จะทำงานในเชิงรุก โดยมีนโยบาย 2 ส่วน คือนโยบายเพื่อประชาชนและนโยบายเพื่อพัฒนาองค์กรที่ ซึ่งนโยบายประชาชนด้านการสั่งคดีจะยึดหลัก “ทำงานอย่างมืออาชีพ รวดเร็ว เที่ยงธรรม และเปิดเผย”  ด้านการสั่งคดีของอัยการสูงสุดและพนักงานอัยการต้องเป็นไปโดยอิสระ สุจริต สร้างความศรัทธาให้กับประชาชน สังคม และหน่วยงานของรัฐและเอกชนว่าอัยการจะเป็นกลาง เปรียบเสมือนการก้าวเดินอยู่บนขอบเหรียญที่จะตั้งตรงไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง และเป็นที่พึ่งทางกฎหมายได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ การร้องขอความเป็นธรรมของประชาชน หากประชาชนที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนผ่านการสื่อสารทุกช่องทางทั้งวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดให้มีไว้ ขณะที่การสั่งคดีก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบได้ทุกเรื่อง โดยในส่วนของคู่ความเองสามารถขอทราบถึงคำสั่งและความเห็นของอัยการ ส่วนประชาชนทั่วไปก็สามารถที่จะรับรู้ได้ในข้อมูล ตราบที่ข้อมูลนั้นไม่ใช่ส่วนที่จะไปกระทบสิทธิ์หรือละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดี และไม่กระทบต่อรูปคดีของอัยการ โดยในวันที่ 10 ต.ค. ได้เตรียมตั้งทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อที่จะตอบข้อซักถามสื่อมวลชนที่จะติดตามข้อมูลในคดีสำคัญและเป็นที่สนใจของประชาชน
                       นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันจะให้ความสำคัญในการปรับการดำเนินงานของสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในแต่ละท้องถิ่น โดยเฉพาะงานโครงการในพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะต้องเข้าถึงผู้ถูกกระทำความรุนแรง และการจัดตั้งสำนักงานระดับอธิบดีเพิ่มขึ้นตามความต้องการของสังคม รวมทั้งการเพิ่มฝ่ายคดีเพื่อรองรับการพัฒนา เช่นฝ่ายคดียาเสพติดที่เดิมมี 9 กอง จะเพิ่มเป็นฝ่ายคดียาเสพติด 10 ส่วนบุคลากรที่มีอยู่ในองค์กรก็จะเพิ่มอัตราอีก 500 คน ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องการงบจากรัฐบาลที่จะพิจารณาเพื่อพัฒนาองค์กร ยืนยันว่าการปรับองค์กรก็เพื่อพัฒนาบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพงานจะไม่ใช่เป็นการล้างบางที่อดีตอัยการสูงสุดเคยดำเนินการไว้ แต่เป็นการทำงานแบบมืออาชีพ
                       ต่อมานายอรรถพล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกล่าวถึงการทำหน้าที่ของพนักงานอัยการ ที่ต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นเรื่องสำคัญจึงได้ตั้งสำนักงานฝ่ายคดีภาค 9 จังหวัดปัตตานี ขึ้นมาดูแลซึ่งอัยการต้องยึดหลักตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พุทธศักราช 2553 ที่เน้นความถูกต้องเป็นธรรมไม่อิงกระแส โดยการสั่งคดีหากเห็นว่าคดีไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่กระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ อัยการสูงสุดมีอำนาจที่จะพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง เพื่อจะได้แยกผู้หลงผิดกับผู้กระทำความผิดออกจากกันได้ นอกจากนี้ ในการทำงานของอัยการด้านการสอบสวนตนได้ตั้งสำนักงานการสอบสวนขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรองรับการทำคดีความผิดที่อยู่นอกราชอาณาจักร ความผิดตามพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และพ.ร.บ.ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ รวมไปถึงทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ด้วย
                       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้ายกรณีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมที่บริเวณราชประสงค์ นายอรรถพล กล่าวว่า คดีดังกล่าวนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องบางข้อหา และไม่สั่งฟ้องบางข้อหา แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดอื่นๆ รวมทั้งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีได้รวดเร็วแค่ไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการสั่งคดีอาญาของอัยการไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การสั่งคดีของอัยการนั้นจะเน้นในเรื่องข้อกฎหมายและพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การทำงานของพนักงานอัยการภายใต้การทำงานของตนจะสั่งคดีแบบมืออาชีพ เที่ยงธรรม รวดเร็ว และเปิดเผย ซึ่งทุกคดีที่มีคำสั่งจะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน แต่จะให้ไม่กระทบสิทธิของผู้ต้องหาและผู้เสียหาย
                       เมื่อถามถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบสวนนายจุลสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ฐานเป็นเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีไม่ยื่นฎีกาคดีที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมพวก จงใจเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้ดุลยพินิจของนายจุลสิงห์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา255 ที่ให้อิสระกับอัยการในการสั่งคดี และการที่ป.ป.ช.รับเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่เป็นการทำตามหน้าที่ของป.ป.ช. ที่มีคนมายื่นเรื่องร้องเรียนก็ต้องรับไว้ก่อน ซึ่งจะต้องนำไปพิจารณาก่อนว่ามีความผิดหรือไม่
     “ช่วงปลายเดือนต.ค.หลังจากที่ผมกลับจากนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว จะเปิดเผยเรื่องสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวบุคคล แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ซึ่งหลังเปิดเผยเรื่องนี้แล้วจะมีคนรักและเกลียดผมมากขึ้นก็ได้” อัยการสูงสุด กล่าว
     

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อัยการสูงสุดแถลงนโยบายยึดหลักมืออาชีพ

LikePost โดย 0 สมาชิก :


 

Sitemap 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 
ร่วมขับเคลื่อนโดย