นักธุรกิจสหรัฐฯสนใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย ด้านนายกฯยันนโยบายรัฐบาลไทยหนุนประชาธิปไตย-ปกป้องเอกชน
เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของเกาะบาหลี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือกับคณะนักธุรกิจชั้นนำสหรัฐ–เอเปค ที่โรงแรมแกรนด์ นิกโก บาหลี ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก โดยนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าคณะนักธุรกิจดังกล่าว ประกอบด้วยนักธุรกิจสหรัฐฯจำนวนมากที่สนใจการลงทุนในประเทศไทย อาทิ ไมโครซอฟต์ กูเกิล จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน พีแอนด์จี อีเบย์ เชฟรอน เป็นต้น ทั้งนี้ นายอเล็กซ์ เฟลดแมน ประธานคณะนักธุรกิจสหรัฐ–เอเปค ระบุว่ามีความสนใจการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย และหวังว่าสหรัฐจะมีส่วนร่วมในการลงทุนครั้งใหญ่นี้ ด้านผู้บริหารของบริษัท เชฟรอน ระบุว่าลงทุนในไทยมาแล้ว 50 ปี กว่าร้อยละ 90 เห็นว่าคนไทยมีความสามารถ มีศักยภาพ และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวให้ความมั่นใจกับนักลงทุนสหรัฐฯว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของไทยอยู่ในวินัยการเงินการคลัง ซึ่งทำให้หนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่นี้จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 ปีต่อจากนี้ ซึ่งรัฐบาลเปิดกว้างให้กับนักลงทุนสหรัฐ เข้ามามีส่วนร่วมในทุกส่วนของการลงทุนนี้
นายธีรัตถ์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกับคณะนักธุรกิจสหรัฐ ด้วยว่ารัฐบาลไทยต้องการสร้างความมีเสถียรภาพให้กับการเมืองไทย เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และนโยบายของรัฐบาลไทยเป็นนโยบายที่สนับสนุนการปกครองประชาธิปไตยพร้อมกับปกป้องการลงทุนของเอกชน อีกทั้ง ไทยสามารถฟื้นจากวิกฤติน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ได้ภายใน 6 เดือน โดยทำให้ปี 2555เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ร้อยละ 6.8 และปีนี้คาดว่าจะสามารถเติบโตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งแสดงว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง อีกทั้งในภาวะที่การส่งออกชะลอตัว รัฐบาลไทยมีนโยบายในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตต่อไปพร้อมๆกับลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้รัฐบาลพยายามลดต้นทุนให้ธุรกิจด้วยการลดภาษีนิติบุคคล การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานลดต้นทุนการขนส่งและการทำเกษตรโซนนิ่ง ตลอดจนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะมีสิทธิพิเศษให้กับอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงรัฐบาลไทยมุ่งพัฒนาอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรือระบบไร้สายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ใเรื่องดังกล่าว โดยไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของอินเตอร์เน็ตหรือคอมพิวเตอร์แบบพกพา(แท็บเล็ต)เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเนื้อหาที่หลากหลายเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกกลุ่ม.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
สหรัฐฯสนใจร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย