สพม.34เชียงใหม่ พร้อมผู้ปกครอง เตรียมเดินหน้าเข้ากรุงเทพฯ ร้อง "ดีเอสไอ" และรัฐบาล หลังส่งนักเรียนไปเรียนไต้หวันไม่ได้ เหตุขาดความเชื่อมั่น
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ปกครองจากหลายจังหวัดในภาคเหนือเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ให้สอบสวนผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) หลังมีนักเรียน ม.6 และปริญญาตรีรวมกว่า 230 คน ไม่สามารถเดินทางไปศึกษาต่อที่ไต้หวันตามโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติ ที่ สพม.34 ร่วมกับมูลนิธิการศึกษาอาชีพ สมาคมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเมืองนานาชาติไต้หวัน จัดขึ้น ทั้งที่เสียเงินไปคนละ 40,000 บาท และปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งเงิน และโอกาสทางด้านการศึกษาสำหรับลูกหลาน ตามข่าวที่เดลินิวส์ได้เสนอไปแล้วนั้น ความคืบเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 ต.ค. ที่ห้องประชุม ภายในโรงเรียนหอพระ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายพิชิตพล สุทธิสานนท์ ผอ.กลุ่มศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) พร้อมคณะ ได้เรียกกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 230 คน เข้าพบเพื่อชี้แจงความคืบหน้า เกี่ยวกับการติดตามเงินกลับคืนจากทางมูลนิธิในไต้หวัน โดยวันนี้มีผู้ปกครองที่เป็นผู้เสียหาย มาร่วมฟังเพียงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่ สพม. 34 ออกมาชี้แจงถึงวิธีการดำเนินการ ก็ทำให้ผู้ปกครองแสดงความเห็นไม่พอใจกับวิธีการที่ทาง สพม.34 จะดำเนินการ เพราะต้องการเพียงเงินที่เสียไปกลับคืนมา ทำให้หลายคนเดินออกจากห้องประชุมไปทันที ส่วนที่เหลือนั้นทาง สพม.34 ก็ได้มีการชี้แจงต่อ พร้อมกับให้มีการกรอกเอกสาร เพื่อสำรวจว่า จะมีใครร่วมเดินทางไปร่วมยืนฟ้องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ซึ่งก็มีผู้ปกครองบางส่วนเดินทางไปด้วย นายพิชิตพล กล่าวว่า การที่เรียกผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบมาชี้แจงในวันนี้ ก็เพื่อจะแจ้งให้กับทางผู้ปกครองทราบว่า ทาง สพม.34 ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามติดตามเงินและเยียวยาให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ทางผู้ปกครองและตัวเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สพม.เขต 34 ก็ตกเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเหมือนกับว่าทางเราถูกหลอก และถูกตั้งความหวังว่าจะมีการส่งเด็กนักเรียนไปเรียนต่อยังประเทศไต้หวันได้ แต่สุดท้ายทางกงสุลไต้หวันประจำประเทศไทย ก็ไม่สามารถออกวีซ่าให้ผ่านได้ ทั้งที่มีการเรียกเอกสารต่างๆ รวมถึงเรียกเด็กไปสัมภาษณ์เรียบร้อย ซึ่งเหตุผลที่รับทราบมาก็คือว่า ทางกงสุลไต้หวัน ไม่มั่นใจในตัวของมูลนิธิฯ ดังกล่าวว่าจะสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่จะเดินทางไปเรียนได้จนจบ จึงไม่ยอมให้ผ่าน โดยช่วงที่เกิดปัญหาในช่วงแรก เรายังมีเงินโครงการเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง เราก็คืนให้กับเด็กไปแล้วจำนวน 29 คน แต่เนื่องจากเงินโครงการหมด และบางส่วนก็ได้ส่งมอบให้กับทางมูลนิธิฯ ไปแล้ว และก็ได้ออกมาชี้แจงกับทางผู้ปกครองไปแล้ว แต่ทางผู้ปกครองบางส่วนที่ตกลงกันไม่ได้ ก็เลยไปแจ้งความ กระทั่งและก็มีข่าวออกทางสื่อ ซึ่งทาง สพม.34 จึงถูกระงับการทำงานทุกอย่างในการไปติดตามเงินคืนให้กับนักเรียน เพราะจะต้องทำเรื่องชี้แจงต้นสังกัดและแก้ไขในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ข้อตกลงครั้งแรกที่นายปีเตอร์ ได้ออกตั๋วเครื่องบินให้เรา 7 ที่นั่ง เพื่อไปติดตามเงินคืนนั้นถูกระงับไปด้วย เพราะทางนายปีเตอร์ ซึ่งเป็นคนไต้หวันและเป็นคนของมูลนิธิฯ ก็หยุดและไม่ให้ตั๋วเครื่องบิน พร้อมกับเตรียมสู้คดีกับเรา ทำให้การทำงานทุกๆ อย่างยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งทางเราก็ต้องแก้ปัญหาโดยตอนนี้ทางรัฐบาลได้เข้ามามีส่วนร่วมแล้ว เราก็ได้จัดทำเอกสารและรวบรวมเอกสารทุกๆ อย่าง ที่ได้แจ้งให้กับนักเรียนทุกคนได้ทราบ เพื่อที่จะได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและให้ทางรัฐบาลเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด เนื่องจากว่ามันเป็นเรื่องระดับประเทศไปแล้ว นายวิชิตพล กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับเรื่องนี้ได้วางแนวทางไว้ว่า ทางคณะ พร้อมกับผู้ปกครองบางส่วนจะออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยในวันที่ 10 ต.ค. จะเข้าพบกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน โดยมี ดร.เพชรวัตร วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ปรึกษากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางไปร่วมด้วย หลังจากนั้นทางคณะก็เตรียมจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการ และทางสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ เพราะถือว่าขณะนี้ทาง สพม.34 เองก็เป็นผู้เสียหายร่วมกับทางผู้ปกครองและกลุ่มนักเรียนเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 15 ต.ค. ก็จะเรียกทางนักเรียน และผู้ปกครองมาชี้แจงถึงความคืบหน้าอีกครั้งว่าหลังจากดำเนินการไปแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร และจะได้เงินกลับคืนมาอย่างไร เพราะนอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว ก็ต้องเยียวยากลุ่มนักเรียนที่ถูกผลกระทบไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะหาสถานที่เรียนที่เหมาะสมให้ เพื่อให้เด็กเข้าไปเรียน ส่วนการจะให้กลับไปเข้าสู่มหาวิทยาลัย และสถาบันที่นักเรียนได้สอบติดและได้ออกมาเพื่อจะไปเข้าโครงการนั้น บางสถาบันก็ยินดี แต่บางสถาบันก็อยู่ในช่วงของการเจรจาอยู่ หากไม่ได้ก็ต้องหาสถานที่เรียนให้กับเด็กเหล่านั้น และทางสถาบันในคุนหมิง ประเทศจีน ซึ่งทาง สพม.34 เคยส่งนักเรียนไปเรียนแล้ว 2 รุ่น และไม่เกิดปัญหาเลย ก็ติดต่อมาแล้วว่าสามารถรับเด็กเข้าเรียนได้จำนวน 20 คน ซึ่งก็มีคนสนใจเข้าร่วมโครงการเช่นกัน ดังนั้นจึงเหลือเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องหาสถานที่เรียนให้เขาด้วย นอกเหนือจากเรื่องเงิน แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา แต่ขอยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบสพม.34 เตรียมร้องดีเอสไอเหตุชวดส่งเด็กไปเรียนไต้หวัน
