ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และทุ่มพัฒนาการเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ครูกบ หรือ นางสาววิลาวรรณ ศรีคุ้ย อายุ 39 ปี ครูสอนภาษาไทยระดับชั้นมัธยมศึกษา ชั้นปีที่ 1 และ 2 โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล อ.เมือง จ.กระบี่ มีผลงานได้รับรางวัลมากมาย ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ อาทิ ครูภาษาไทยดีเด่นระดับจังหวัด สพท. ปี 2547 รางวัลการแข่งขันทำหนังสือเล่มเล็กระดับภาค จาก สพฐ.ปี 2549 รางวัล หนึ่งแสนครูดี จากคุรุสภา ปี 2555 และล่าสุดได้รับการยกย่องเป็นครูภาษาไทยดีเด่น จากคุรุสภา ประจำปี 2555
ครูวิลาวรรณ เล่าว่า จากที่เคยเป็นเด็กนักเรียนมาก่อน และโชคดีที่มีครูสอนภาษาไทยที่เอาใจใส่กับเด็กนักเรียนมาก ทำให้ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ สามารถอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว จึงมีความตั้งใจว่า ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เป็นครู ก็จะเป็นครูสอนภาษาไทย และตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และทำทุกอย่างให้นักเรียนได้รับความรู้มากที่สุด
ครูวิลาวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันการสื่อสารมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กนักเรียนในปัจจุบันเปลี่ยนไป ถ้าไม่ได้รับคำแนะทำที่ดีก็อาจจะทำให้เด็กนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีได้ เช่นเดียวกับการใช้ภาษาไทย ที่มักจะนำเอาคำพูดต่าง ๆ จากสื่อสังคมออนไลน์ หรือคำพูดจากละคร ดารานักร้องมาใช้ เช่นคำว่า ชิมิ รักจุงเบย บ่องตง เป็นต้น เหล่านี้ทำให้เคยชินกับการใช้ภาษาที่ผิด ๆ จึงต้องคอยตักเตือนนักเรียนอยู่ตลอดเวลาว่า คำไหนควรใช้ คำไหนไม่ควรเอามาใช้ โดยยกตัวอย่างพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเปรียบเทียบ
“ถึงแม้เราจะไม่สามารถเปลี่ยน แปลงสื่อในปัจจุบันได้ ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้รู้เท่าทันสื่อ โดยการศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยี ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และนำเอาประโยชน์ด้านดีมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนในปัจจุบัน อย่างเช่น นำเอามิวสิกวิดีโอเพลงที่นักเรียนชอบมาเปิดให้ดู จากนั้นก็จะให้นักเรียนเขียนคำศัพท์ต่าง ๆ จากบทเพลง พร้อมอธิบายความหมาย เป็นการได้ประโยชน์จากเพลงที่เปิดฟัง ทำให้นักเรียนมีความเพลิดเพลินในการเรียน และได้ความรู้ไปในตัว นอกจากนี้ยังใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ โดยการสร้างกลุ่ม เพื่อที่จะสื่อสารกับนักเรียนได้ตลอดเวลา วันไหนที่ครูไม่สบาย หรือมีธุระไม่ได้มาสอน ก็ยังสามารถสั่งการบ้านผ่านสื่อเหล่านี้ได้” ครูวิลาวรรณ กล่าว
สำหรับปัญหาของเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ ครูวิลาวรรณ มองว่า ในห้องเรียนหนึ่ง ๆ มักจะมีเด็กที่อ่อนอยู่ 4-5 คน หรือมากกว่านั้น เพราะมาจากพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน การแก้ปัญหา
จึงต้องเอาใจใส่เด็กกลุ่มนี้เป็นพิเศษ ต้องพูดคุยตัวต่อตัวกับเด็ก แต่ครูจะไม่พูดต่อหน้าเพื่อน ๆ ในห้องเรียน เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความอาย และขั้นตอนต่อไปจะต้องแจ้งผู้ปกครองได้รับทราบ และยอมที่จะให้เด็กกลับบ้านช้ากว่าปกติ เพื่อจะได้สอนเด็กเพิ่มได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 1 เทอมก็จะเห็นผล
“แม้จะต้องเสียเวลาในส่วนนี้ และต้องกลับบ้านหลังตะวันตกดินทุกวัน แต่ก็ภูมิใจที่สามารถช่วยให้เด็กอ่านออกเขียนได้ และเปลี่ยนทัศนคติจากเด็กที่เรียนไม่เก่งไม่ชอบภาษาไทย หันมาตั้งใจเรียน สามารถเขียนเรียงความ คัดลายมือ อ่านทำนองเสนาะได้ บางคนได้รับคัดเลือดเข้าประกวดในระดับจังหวัด และระดับภาค แม้ไม่ได้รางวัลใหญ่ แต่ก็สร้างความภาคภูมิใจให้คนที่เป็นครูผู้สอน ทำให้มีกำลังใจที่จะสอนภาษาไทยต่อไป และตั้งใจที่จะเป็นครูสอนภาษาไทยไปจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ โดยจะตั้งใจทำทุกวันให้ดีที่สุด” ครูวิลาวรรณ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ. สุธี มารยา
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ - เปิดทำเนียบ ครูดีครูเด่น