ด้วยวัยเพียง 27 ปี แต่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์และฝีมือ จนเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ช่างภาพสัญชาติไทย “โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี” ช่างภาพฟรีแลนซ์ทั้งในประเทศไทยและประเทศอังกฤษ ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์, ซีเนีย โฟโตกราเฟอร์ และหุ้นส่วน ต.เต่า สตูดิโอ ได้รับกล่าวถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเป็นช่างภาพไทยที่มีโอกาสสร้างสรรค์ภาพถ่ายงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยม แม้ในวัยเด็กโอ๊ตใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก และเดินตามความฝันด้วยการเข้าเรียนคณะสถาปัตยกรรม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แต่ศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่รักและพยายามหาความรู้มาโดยตลอดคือการถ่ายภาพ หลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจึงหาที่เรียนเพิ่มเติมพร้อมฝึกฝีมือ ช่วงปลายของการเรียนปี 1 เริ่มรับงานถ่ายรูป กระทั่งเรียนปี 3 ทำงานเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์เต็มตัวกลายเป็นอาชีพที่หาเลี้ยงตัวเอง รวมถึงผลการเรียนก็ดีขึ้นเพราะต้องรับผิดชอบทำสองสิ่งให้ดีที่สุด เมื่อเรียนจบโอ๊ตไม่เคยต้องเขียนใบสมัครงาน ระหว่างเรียนได้ทำงานพบปะผู้คน ผู้บริหารมากมาย พอเรียนจบก็มีงานทำมีเงินเดือนมาก เพราะทำงานหลายอย่าง ทั้งช่างภาพ รับออกแบบและเป็นที่ปรึกษาการออกแบบ ทำได้พักใหญ่เริ่มรู้ตัวว่าไม่ชอบงานด้านนี้ ในใจมีแต่แรงกระตุ้นอยากถ่ายภาพมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่คิดไว้เสมอว่า “จะตายไปพร้อมกับมัน” จึงตั้งปณิธานเก็บเงิน 1 ล้านบาทภายใน 1 ปี เพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการถ่ายภาพ ที่ลอนดอน คอลเลจ ออฟ คอมมิวนิเคชั่น สถาบันที่ติดท็อปเท็นด้านการถ่ายภาพของยุโรป
ระหว่างเรียนโอ๊ตตั้งใจทำงานที่ตัวเองรักควบคู่ไปด้วย โดยร่วมงานกับ จูลี่ คิม ช่างภาพเวดดิ้งชื่อดังท็อปไฟว์ของอังกฤษ วันแรกไปเป็นผู้ช่วยช่างภาพ แบกกระเป๋าให้เขาเพียงวันเดียว จากนั้นได้เป็นช่างภาพสอง ถ่ายภาพงานแต่งงานอย่างเดียว เมื่อเข้าช่วงปิดเทอมโอ๊ตส่งจดหมายขอฝึกงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพกับช่างภาพแฟชั่น แรงกิ้น ที่มีฝีมือเก่งกาจระดับโลก แต่กว่าจะได้ร่วมงานกันต้องส่งใบสมัครถึง 3 ครั้ง ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้กลับคุ้มค่ากับความพยายาม เพราะได้เรียนรู้วิธีการทำงานที่เป็นมืออาชีพ วิธีคิดงานที่เฉียบขาด ระบบการทำงานและได้ความเป็นระดับโลก นอกจากนี้ช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดน 3 ปี โอ๊ตมีโอกาสเป็นช่างภาพในงานสำคัญหลายงาน อาทิ งานแต่งงานของ แดเนียล ไรอัน ดาราและเจ้าของสายการบินต้นทุนต่ำไรอัน ของอังกฤษ และงานโฆษณาในห้างแฮรอด ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตสร้างความภาคภูมิใจ และตัวเองกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการหาประสบการณ์โอ๊ตตัดสินใจกลับเมืองไทยเพื่อทำหน้าที่ลูกที่ดี แต่ยังคงทำงานกับจูลี่จึงต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพ-อังกฤษ พร้อมเปิด ต.เต่า สตูดิโอ บริษัทโฟโตกราฟเฟอร์ เอเจนซี่ โอ๊ตบอกว่า ด้วยประสบการณ์ทำงานที่เมืองนอกซึ่งมีเอเจนซี่ดูแล จึงคิดว่าระบบนี้สามารถช่วยยกระดับคุณภาพช่างภาพเมืองไทยให้เป็นที่ยอมรับในสังคม พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าสามารถเลือกช่างภาพตามความต้องการตามจุดประสงค์ของงาน ตอนนี้เป็นทั้งช่างภาพ, ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ ควบคู่กับหน้าที่บริหารในส่วนโปรดักชั่นการสร้างผลงาน พร้อมกับเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ที่อังกฤษ ซึ่งหลักการทำงานที่ยึดถือมาตลอดคือทำด้วยความตั้งใจ จริงจังและสนุกกับการทำงาน พร้อมที่จะแชร์ความรู้ สอนการทำงานให้น้องๆ ในบริษัท เพราะต้องการสร้างคนให้มีคุณภาพแก่องค์กรและสังคม รวมทั้งวงการช่างภาพ ตลอดการทำงาน 10 ปี พบกับปัญหาทุกรูปแบบทั้งกล้องพังระหว่างงาน ลูกค้าไม่จ่ายเงิน ปัญหาสภาพแวดล้อม รวมถึงการแบ่งแยกทางสังคมกับการเป็นคนเอเชีย โอ๊ตจึงต้องสร้างผลงานและศักยภาพให้เป็นที่ยอมรับ มองปัญหาให้เป็นเกมส์ สนุกที่จะฝ่าด่านไปให้ได้ พร้อมมองในแง่บวก ต้องเรียนรู้สิ่งรอบข้างใหม่ๆ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สำหรับเป้าหมายในอนาคตโอ๊ตบอกด้วยความมุ่งมั่นว่า ระยะสั้นอยากทำบริษัทให้เป็นที่ยอมรับในเมืองไทยและระดับสากล ช่วยยกระดับมาตรฐานช่างภาพไทยพร้อมเป็นสื่อกลางผลักดันและส่งเสริมงานศิลปะให้คนสามารถสัมผัสงานเหล่านี้ได้มากขึ้น ส่วนระยะยาวอยากเป็นอาจารย์และมีเวลาให้คุณแม่มากขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ“ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ” สั่งสมประสบการณ์และฝีมือ มุ่งมั่นยกระดับช่างภาพไทยสู่สากล