สนับสนุนเว็บ

ผู้เขียน หัวข้อ: เอกชนถอดใจเศรษฐกิจไทยติดรองบ๊วยหลังเปิดเออีซี  (อ่าน 66 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นๅยด้ามขวาน

  • ออฟไลน์
  • 49115
    30336
    64972



  • Administrator
  • *****
  • สมัครสมาชิกเมื่อ 17/07/2009
    YearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYears
  • กระทู้ : 49115
  • Like Post : 64972
  • Peny : 30336
  • 16

    • ดูรายละเอียด


  • เข้าใช้งานล่าสุดเมื่อ 22/พ.ค./24


             นายอัทธ์ พิศาลวานิช  ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานประเมินอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 โดยลาว จะมีเศรษฐกิจขยายตัวสูงเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นกัมพูชา, พม่า, อินโดนีเซีย, เวียดนาม,ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน, ไทย และ สิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์และไทยมีขนาดเศรษฐกิจไทยที่ใหญ่ ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง ๆ นั้น ทำได้ลำบาก  ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจลาว, กัมพูชา, พม่า ขยายตัวในระดับสูงหลังการเปิดเออีซี เนื่องจากจะมีทุนข้ามชาติเข้ามาตั้งโรงงานมากขึ้น ทั้งนักลงทุนจากไทย ยุโรป สหรัฐ และเอเชีย เพื่อต้องการอาศัยต้นทุนการผลิตที่ไม่สูง โดยเฉพาะเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำ ค่าเช่าพื้นที่โรงงาน และมีปริมาณแรงงานที่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน ขณะเดียวกันผลพวงจากการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทยมากขึ้นก็จะทำให้ประชากรมีรายได้เพิ่ม  ประเมินเศรษฐกิจในประเทศอาเซียนจะสอดคล้องกับตัวเลขของไอเอ็มเอฟ ที่ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศภูมิภาคอาเซียน หลังการเปิดเออีซีระหว่างปี 59-63  คือ 1.ลาว ขยายตัวเฉลี่ย7.7% ต่อปี, 2. กัมพูชา 7.5%, 3.พม่า 6.9%, 4. อินโดนีเซีย 6.5%,  5.เวียดนาม 5.5%, 6.ฟิลิปปินส์ 5.5%, 7.มาเลเซีย 5.2%, 8. บรูไน 4.8% ,  9. ไทย 4.7% และ 10. สิงคโปร์  4%   ส่วนก่อนการเปิดเออีซีตั้งแต่ปี 44-58 พบว่าพม่ามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากสุดเฉลี่ย  9% รองลงมาเป็น กัมพูชา 7.7%, ลาว 7.4%, เวียดนาม 6.6%, อินโดนีเซีย 5.6%, สิงคโปร์ 5%, ฟิลิปปินส์ 5%, มาเลเซีย 4.8%, ไทย 4.3% และ บรูไน 2.1%  “ลาวมีประชากรน้อยและในอนาคตเชื่อว่าภาคบริการและเกษตรกรรมจะเป็นกลุ่มที่จะสร้างรายได้ให้กับประชากรได้ดี ส่วนกัมพูชาและพม่า เชื่อว่า ภาคอุตสาหกรรมจะโดดเด่นทั้งสองประเทศ เพราะปัจจุบันมีแรงงานที่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องนุ่งห่มของไทยจำนวนมากที่ได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่กัมพูชาเพื่อลดต้นทุนจากค่าจ้างบ้านเราที่สูงมากหากเทียบกับเพื่อนบ้าน”  นายอัทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของไทย หากจะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวระดับสูง ก็จะเน้นอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล เพราะหากเสร็จจะทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางของนักท่องเที่ยวมีความสะดวกก็จะทำให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มได้ดี  ขณะเดียว จำเป็นต้องส่งเสริมการลงทุนการวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนแรงงานที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรม และต้องส่งเสริมการพัฒนาการดีไซน์ของสินค้าเพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น  “ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย หลังเปิดเออีซีคงหนีไม่พ้นเรื่องของต้นทุนการผลิตที่สูง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจไทยน้อยลง ซึ่งหากเพื่อนบ้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับไทยอาจทำให้เงินลงทุนต่างชาติไหลไปเพื่อนบ้านได้ อย่างไรก็ตามหากโครงการ 2 ล้านล้านบาทดำเนินการผ่านแบบฉลุยก็จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในอนาคตโตเพิ่มได้มาก”          



ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เอกชนถอดใจเศรษฐกิจไทยติดรองบ๊วยหลังเปิดเออีซี

LikePost โดย 0 สมาชิก :


 

Sitemap 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 
ร่วมขับเคลื่อนโดย