เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับดาโต๊ะ ซรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาซิม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติภาพระหว่างฝ่ายไทยและกลุ่มขบวนการ ที่เดินทางมาพบเพื่อหารือถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าทีมพูดคุยสันติภาพ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วม โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.ประชา กล่าวภายหลังการหารือ ว่า เนื้อหาการพูดคุยได้พูดถึงสิ่งที่ดำเนินการมาในอดีตและหลักการดำเนินการต่อไปในอนาคต ทั้งประเด็นที่เรายื่นข้อเสนอไปถึงผู้อำนวยความสะดวกหรือมาเลเซีย ให้รวบรวมกลุ่มที่มีความเห็นต่าง ๆ มาร่วมเจรจา ทั้งกลุ่มบีอาร์เอ็น กลุ่มพูโล รวมทั้งกลุ่มขบวนการปลดปล่อยปัตตานี (บีไอพีพี) ซึ่งสำเร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือว่ามีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ส่วนตัวบุคคลที่จะเป็นตัวแทนในการพูดคุยนั้น ฝ่ายไทยยังเป็นชุดเดิมที่มีพล.ท.ภราดร เป็นหัวหน้าทีม ขณะที่ตัวแทนกลุ่มต่อต้าน ขึ้นอยู่กับผู้อำนวยความสะดวกฯจะจัดเข้ามาเจรจา อาทิ ตัวแทนจากกลุ่มบีอาร์เอ็น จำนวน 4 คน กลุ่มพูโล 2 คน กลุ่มบีไอพีพี 1คน ที่เหลือเป็นสัดส่วนตัวแทนนักวิชาการ และภาคประชาสังคม ซึ่งรวมทั้งหมดไม่เกิน 15 คน เพราะหากมากเกินไปจะหาข้อสรุปไม่ได้ เมื่อถามว่าจะมีตัวแทนจากกลุ่มอาร์เคเค ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการ เข้าร่วมเจรจาด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นพูดคุยกัน ซึ่งกลุ่มเจรจาก็จะเป็นในส่วนของตัวแทนการเจรจาจากฝ่ายประเทศร่วมพูดคุยมากกว่า หากถามว่าการพูดคุยครั้งนี้ได้ข้อยุติหรือยัง ขณะนี้บนพื้นฐานสำคัญๆ นั้นมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เมื่อไปถึงขั้นตอนการลงนามตามเจตนารมณ์ จึงจะถึงว่ายุติและสมบูรณ์ที่สุด ขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอใด เพียงแต่มีการพูดคุยเบื้องต้นก่อนเท่านั้น ขณะที่พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เนื้อหาหลักของการพูดคุยวันนี้คือเราต้องการให้กลุ่มที่มีความเห็นแตกต่าง ซึ่งยังมีอีกหลายกลุ่มเข้ามานั่งพูดคุย จากเดิมที่มีเพียงกลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นหลักเท่านั้น และขณะนี้มีความชัดเจนว่าจะกลุ่มพูโลและบีไอพีพี จะมาร่วมด้วย ส่วนการกำหนดข้อตกลงและการจัดสรรที่นั่งให้แต่ละกลุ่ม ทางฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกจะรับไปดำเนินการว่าจะจัดสรรให้ใครบ้าง เพราะเราระบุที่นั่งไปให้แล้วขึ้นอยู่กับว่าเขาจะไปตกลงให้ใครเป็นตัวแทนมาคุย สำหรับวัน เวลา ในการพูดคุยคาดว่าต้องเลื่อนจากเดิมที่หารือกันว่าจะพูดคุยภายในเดือนพ.ย. จะขยับเลื่อนไปเป็นช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากต้องรอประสานงานของทุกฝ่ายให้พร้อมกัน เพราะภายในกลุ่มพูโล เขาต้องไปคุยกันภายในของเขาที่ยังมีกลุ่มย่อย 3 กลุ่ม ที่จะต้องไปจัดตัวแทนจาก 3 กลุ่มย่อยให้เหลือผู้แทนเพียง 2 ที่นั่ง เพื่อเข้าร่วมเจรจา ส่วนกลุ่มบีอาร์เอ็นก็ได้ขอเวลาเพื่อจัดทีมคณะพูดคุยกันใหม่ เพราะตัวเนื้อหาพูดคุยจะเปลี่ยนไป เมื่อถามว่าการเข้าร่วมเจรจาหลายกลุ่มจะเป็นการลดอำนาจของกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ถือว่าเป็นการสร้างความสมดุลมากกว่า เพราะเราต้องยอมรับก่อนว่ากระบวนการพูโลถือกำเนิดมาก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ มีเครือข่ายต่างประเทศ ถึงแม้ในปัจจุบันกองกำลังอาจลดน้อยลงบ้าง แต่ว่าในเครือข่ายต่างประเทศกลุ่มดังกล่าวยังมีอิทธิพลอยู่ ต่อข้อถามว่าการที่บางกลุ่ม เช่น กลุ่มอาร์เคเค ไม่ได้เข้าร่วมเจรจาด้วย จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องเป็นพัฒนาการไป เพราะขบวนการบีอาร์เอ็น ยืนยันว่าเมื่อมีความชัดเจนเรื่องทิศทางการเจรจา จะทำให้สื่อสารไปถึงกลุ่มอาร์เคเคเพื่อมาร่วมเจรจาในครั้งต่อไปได้ เมื่อถามว่าฝ่ายไทยคาดหมายเรื่องการลงนามตามเจตนารมณ์ร่วมกันหลังการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆอย่างไรบ้าง พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้เราพยายามจะให้ทางฝั่งขบวนการต่างๆ มีการลงมือร่วมระหว่างกันเองด้วย เพื่อให้การเจรจาชัดเจนมากขึ้น โดยจุดประสงค์ของการลงนามคือการสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันกับกลุ่มต่างๆให้เร็วที่สุด โดยเงื่อนไขต่างๆ ต้องเป็นไปในทางเดียวกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ฝ่ายไทยยืนยันชัดเจนว่าจะไม่แบ่งแย่งดินแดนแน่นอน จากเดิมที่มีการลงนามมีเพียงกลุ่มบีอาร์เอ็นเท่านั้น ส่วนขบวนพูโลก็มีการส่งสัญญาณมาโดยตลอดว่าประสงค์จะเจรจากับฝ่ายไทย ทั้งการประสานงานกับฝ่ายไทยโดยตรง การพูดคุยผ่านผู้อำนวยความสะดวก ให้ทราบว่าที่ผ่านมาในอดีตทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ดั้งนั้นเมื่อเราดึงกลุ่มดังกล่าวให้เข้ามาอยู่ในเวทีพูดคุย ก็จะสามารถพูดคุยได้ง่ายขึ้น เมื่อถามว่าประโยชน์ของการดึงกลุ่มบีอาร์เอ็นและกลุ่มบีไอพีพี เข้าร่วมเจรจาคืออะไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้ประโยชน์แน่นอน เพราะเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากกลุ่มบีอาร์เอ็นเพียงกลุ่มเดียว แต่เป็นเหตุที่เกิดจากกลุ่มอื่นๆ หากเราดึงทุกกลุ่มเข้ามาร่วมพูดคุยกัน ก็จะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดลดความรุนแรงลง ส่วนที่ถามว่าเหตุความไม่สงบจะลดลงเมื่อใดบอกได้ว่าในทางปฎิบัติ ทางฝ่ายไทยเริ่มแยกแยะออกว่าต้นเหตุของแต่ละเหตุการณ์มาจากกลุ่มใดบ้าง เช่น เป้าหมายของกลุ่มอาร์เคเค พุ่งไปที่เจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า ซึ่งเราต้องทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ และเริ่มมีความชัดเจนขึ้นเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถระบุตัวคนทำได้ เช่น กรณีเสียชีวิตของร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังคงเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาร์เคเคเช่นเดียวกัน.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบเปิดทางตัวแทนพูโลร่วมคุยสันติภาพ