โชเฟอร์แท็กซี่โผล่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่คิดลวนลามนักข่าวสาว "เดลินิวส์ทีวี" พร้อมขอโทษที่ทำให้ตกใจ และเกิดความกลัว รับวันเกิดเหตุปรับกระจกหันไปมองจริง เพราะต้องการถามเส้นทาง ส่วนที่มือไปถูกเป้ากางเกง เพราะตั้งใจขยับกระเป๋าคาดเอวที่สะพายอยู่ ส่วนที่รถล็อก เป็นเพราะระบบการล็อกประตูรถอัตโนมัติในขณะที่รถขับเคลื่อน ด้านผู้เสียหาย ปรับความเข้าใจ ไม่ติดใจเอาความ จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักข่าวสาวเดลินิวส์ทีวี ได้โดยสารรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มช 9437 กรุงเทพมหานคร จากสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ไปสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต ระหว่างทางกลับถูกโชเฟอร์ปรับกระจกหลัง หันมองหน้า พร้อมกับลูบคลำอวัยวะเพศ เมื่อเห็นท่าไม่ดี พยายามจะเปิดประตูรถหลบหนี แต่โชเฟอร์แท็กซี่กลับกดล็อกประตูไว้ ไม่ให้หลบหนี กระทั่งสบโอกาสช่วงโชเฟอร์เผลอ จึงรีบเปิดประตูกระโดดลงจากรถหนีรอดมาได้ ก่อนรีบเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.นวพล วิทยะเกริกไกร พนัก งานสอบสวน สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 พ.ย. พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะนี้ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้เร่งติดตามคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบปากคำเพื่อให้ได้ทราบถึงรายละเอียดโดยเร็ว โดยทราบว่าพนักงานสอบ สวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบหมายเลขทะเบียน ของรถแท็กซี่คันดังกล่าวว่าเป็นของผู้ใดและใครเป็นผู้ขับรถ จากนั้นก็จะได้เรียกตัวผู้ขับรถแท็กซี่ และผู้โดยสารมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายทำผิดกฎหมายหรือไม่ต่อไป เบื้องต้นทราบแล้วว่า ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์รถเป็นใคร อยู่ระหว่างประสานเรียกตัวมาสอบสวนว่า ในช่วงเกิดเหตุใครเป็นผู้ขับรถ ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. นายทนงศักดิ์ ตันติวรากุล อายุ 46 ปี ผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.นวพล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมกล่าวว่า เป็นผู้ขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุจริง โดยได้รับผู้โดยสารมาจากด้านหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพื่อให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ซึ่งในระหว่างนั้น น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้คุยโทรศัพท์อยู่ตลอด ที่หันไปมองเพราะคุยเสียงดัง และอยากจะถามทางด้วยว่าจะให้วิ่งเส้นไหน ไม่คิดว่าผู้เสียหายจะคิดไปถึงขนาดนั้นถึงขั้นกระโดดลงจากรถ ส่วนที่มือไปถูกที่เป้ากางเกงนั้น ก็เนื่องจากสะพายกระเป๋าคาดเอวอยู่ เมื่อนั่งขับรถนาน ๆ จึงรู้สึกอึดอัด เลยต้องขยับกระเป๋าไป-มา ไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้มือลูบเป้ากางเกงแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทำงานบริสุทธิ์ ไม่เคยคิดจะเป็นโจรผู้ร้าย เพราะเดี๋ยวนี้ทำผิดยังไง ก็ต้องโดนจับได้อยู่ดี เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า หากทำให้น้องเค้าตกใจก็ขอโทษมา ณ โอกาสนี้ด้วย จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้พาคู่กรณีทั้งสองมาทดสอบนั่งรถแท็กซี่คันดังกล่าว พบว่ามีระบบการล็อกประตูรถอัตโนมัติ ในขณะที่รถขับเคลื่อนอยู่จริง ทั้งคู่จึงลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานก่อนจะแยกย้ายกันไป โดยที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ไม่ติดใจเอาความ.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ'โชเฟอร์แท็กซี่'โผล่ปัดลวนลามนักข่าว ขอโทษที่ทำให้ตกใจ
หัวข้อ: 'โชเฟอร์แท็กซี่'โผล่ปัดลวนลามนักข่าว ขอโทษที่ทำให้ตกใจ (อ่าน 85 ครั้ง)
