เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มีการประชุม "โครงการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษา โดยสร้างความเข้าใจในการศึกษาต่อสายอาชีพ" จัดโดยอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีผู้บริหารสถานศึกษา และครูแนะแนว ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)เข้าร่วมกว่า 2,000 คน โดย ดร.ศรีเมือง เจริญศิริ นายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)มีนโยบายปฎิรูปการอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพเทียบได้ในระดับสากล มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะต่อสายสามัญฯ เป็น 51:49 ในปีการศึกษา 2558 เพื่อเตรียมบุคลากรและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งครูแนะแนว และผู้บริหารทุกสังกัดจะต้องร่วมมือกันอย่าคิดแต่ให้สถานศึกษาของตนเองเติบโตมีเด็กเรียนเยอะๆ หรือแย่งเด็กกัน แต่ต้องเห็นถึงอนาคตของเด็ก จบประกาศนียบัตรวิชาชีีพ(ปวช.)ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)แล้วมีงานทำทันที และสามารถเรียนต่อระดับสูงขึ้นได้ไปพร้อมๆกัน ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)กล่าวว่า 3-4 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3-5 % แต่ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะวิชาชีพ ซึ่งเราต้องการช่างปฏิบัติการ ระดับปวช.และ ปวส.กว่า 500,000 คน แต่ผลิตได้เพียง 280,000 คน และงานเหล่านี้หากคนไทยไม่ทำต่างชาติก็จะเข้ามาทำแทน ทั้งลาว พม่า ขณะที่คนไทยก็จะตกงาน ดังนั้นต้องวางแผนผลิตบุคลากรให้ถูก ซึ่งการไปสู่เป้าหมายว่า 2 ปี จากนี้จะมีเด็กเรียนอาชีวะเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 คนต่อปี จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก และผู้อำนวยการวิทยาลัยต้องเร่งปรับภาพลักษณ์อาชีวะ โดยจัดโรดโชว์ ไปที่โรงเรียนมัธยม รวมถึงเปิดวิทยาลัยต้อนรับ เพื่อสื่อให้เห็นว่าจบในสายอาชีพจะทำงานอะไร ได้บ้าง มีรายได้ดี จัดการศึกษาในระบบทวิภาคี ที่สำคัญต้องให้เด็กรู้ว่าไม่ว่าจะเรียนเก่งหรือไม่เก่งสุดท้ายแล้วต้องมีอาชีพทุกคน ประเทศชาติถึงจะอยู่รอด อีกทั้งขณะนี้ บางคนมุ่งเรียนจนจบปริญญาตรี แต่ต้องมาทำงานและรับเงินเดือนในระดับเดียวกับ ปวช.,ปวส. นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)ขอนแก่นเขต 5 กล่าวว่า เห็นด้วยกับนโยบายการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษา แต่เห็นว่าขณะนี้ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ยังติดวัฒนธรรมทำตามสั่ง ขณะที่นโยบายนี้ต้องทำงานเชิงรุก เพราะเด็กใกล้จบ ม.3แล้ว ซึ่งที่ สพป.ขอนแก่นเขต 5 มี 3 หลักคิดว่า 1.นำเด็กไปหาอาชีวะ ไม่ใช้ให้อาชีวะวิ่งหาเด็ก 2.แนะแนวผู้ปกครองและเด็กไปพร้อมๆกัน เพราะเด็กชั้น ม.3 ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินใจในการเลือกเรียน และ 3.ระดมสถานประกอบการมาร่วมมือให้เด็กเห็นเส้นทางอาชีพในอนาคตว่า 3-4 ปีข้างหน้า เมื่อเรียนจบแล้วไม่ตกงานแน่นอน ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า เด็กที่จะจบชั้น ม. 3 จากโรงเรียนในสังกัด สพป.ขอนแก่นเขต 5 มีทั้งหมด 1,620 คน ยืนยันว่าจะเรียนอาชีวะ 600 คน เรียนสายสามัญ 315 คน ส่วนที่เหลือยังไม่ตัดสินใจ ดังนั้นเราจะใช้เวลาที่เหลือจากนี้แนะแนวกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ และตัดสินใจแล้ว ให้มีความมั่นใจว่าเรียนอาชีวะมีงานทำแน่ .
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบสอศ.เดินสายปรับทัศนคติครูแนะแนว