เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 พ.ย.นายสกล จันทรักษ์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับรายงานด่วนจากนายกิตติพันธ์ เพชรชู นายอำเภอลานสกา ว่าเกิดเหตุดินภูเขาถล่มสไลด์ที่บริเวณริมภูเขาแก้ว บ้านห้วยชีสุก หมู่ 2 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุมีดินภูเขาสไลด์เป็นบริเวณกว้างเนื้อที่ 14 ไร่ โดยเป็นเนื้อที่สวนยาง 10 ไร่ แต่โชคดีบริเวณดังกล่าวไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด มีแต่ความเสียหายของสวนยางจำนวน 10 ไร่เท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายในเบื้องต้นต่อไปและสั่งการห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุแต่อย่างใดเพราะหวั่นว่าจะเกิดเหตุดินถล่มถล่มซ้ำลงมาอีกก็ได้ โดยนายสกล เผยว่าสาเหตุเบื้องต้นน่าจะมาจากดินภูเขาอุ้มน้ำไว้เป็นจำนวนมากหลังจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้ดินภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหวจึงพังถล่มสไลด์ลงมาดังกล่าวที่บริเวณศาลาประชาคมอำเภอจุฬาภรณ์ และ ศาลาประชาคมอำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้แทนพระองค์นำสิ่งถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับราษฎรผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.จุฬาภรณ์ จำนวน 1,000 ชุด และ อ.ชะอวด จำนวน 1,000 ชุด โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช นายศิริพัฒน์ พัฒน์กุล รอง ผวจ.นครศรีธรรมราชร่วมให้การต้อนรับและเป็นตัวแทนชาวนครศรีธรรมราชกล่าวแสดงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเมตตาต่อชาวนครศรีธรรมราชในครั้งนี้นายอภินันท์ กล่าวสรุปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราชที่ผ่านมาว่า ล่าสุด จ.นครศรีธรรมราช ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากน้ำท่วมครั้งนี้ จำนวน 22 อำเภอจาก 23อำเภอ(ยกเว้นอำเภอขนอม) 129 ตำบล 860 หมู่บ้าน เดือดร้อน 141,800 คน, 46,950 ครัวเรือน พืชสวนเสียหาย 3,000 ไร่ พืชไร่-นาข้าวเสียหาย 9,000 ไร่ บ่อปลา 50 แห่ง กระชัง 30 แห่ง ถนนเสียหาย 570 สาย ท่อระบายน้ำ 50 แห่ง บ้านพัง 1 หลัง, สะพานพัง 20 แห่ง ประมาณมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 230ล้านบาท “ตนได้สั่งการให้นายสกล จันทรักษ์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่กำชับนายอำเภอทั้ง 22 อำเภอให้การช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่น้ำท่วมทั้ง 22 อำเภออย่างเต็มที่แล้ว โดยสถานการณ์ล่าสุด จ.นครศรีธรรมราชฝนหยุดตกแล้ว ระดับน้ำในลำคลองต่าง ๆ เริ่มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีเพียงน้ำท่วมขังในบางพื้นที่เช่น อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.ชะอวด และ อ.จุฬาภรณ์ ยังต้องใช้เรือในการสัญจรไปมาในหมู่บ้านบางหมู่บ้าน”ส่วนกรณีสะพานคอนกรีตพังเสียหายที่ถนนทางเข้าบ้านยอดเหลือง หมู่ 9 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการสร้างสะพานแบริ่งเสร็จแล้วทำให้ราษฎรจำนวน 4ครัวเรือนนำรถสามารถสัญจรไปมาในหมู่บ้านได้แล้ว และที่สะพานคอนกรีต ข้ามคลองบ้านห้วยแก้ว หมู่ 3 ต.เขาน้อย อ.สิชล ทางทหารจากค่ายฝึกรบพิเศษสิชล ตำรวจ สภ.สิชลและนายอำเภอสิชล ได้ร่วมกับสร้างสะพานเชือกให้ชาวบ้านได้สัญจรชั่วคราวได้ก่อน และจะได้ติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาก่อสร้างสะพานแบ่ริ่งชั่วคราวต่อไป นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับสะพานคอนกรีตแห่งนี้ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าเพิ่งก่อสร้างเสร็จได้เพียง 2 ปีด้วยงบประมาณ 2 ล้านบาทเสร็จ แต่สาเหตุสะพานคอนกรีตแห่งนี้ถูกกระแสน้ำพัดถล่มจนพังเสียหายอย่างง่ายดายเป็นเพราะในกระบวนการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน โดยผู้รับเหมาไม่ได้ตอกเสาเข็มตามมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด ซึ่งตนจะได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของการพังเสียหายของสะพานคอนกรีตแห่งนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ หากพบว่าเกิดจากการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานจะต้องหาผู้รับผิดชอบของสาเหตุสะพานพังครั้งนี้ต่อไป.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบพระราชทานถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัยนครศรีฯ