สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ว่า รัฐบาลศรีลังกาเริ่มภารกิจ 6 เดือนในการนับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากเหตุสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 27 ปี ระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกบฏชนกลุ่มน้อยเชื้อสายทมิฬ ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2552 ด้วยชัยชนะเด็ดขาดของฝ่ายรัฐบาล ในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในเบื้องต้นรัฐบาลคาดว่า จะนับยอดผู้เสียชีวิตได้ราว 16,000 ราย นายมหินทะ ราชปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกา เป็นผู้อนุมัติการนับดังกล่าว เนื่องจากแรงกดดันจากนานาชาติที่ต้องการให้ศรีลังกาเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงคราม นอกจากนี้ ยังมีองค์กรอิสระต่างๆเสนอตัวเข้ามาตรวจสอบให้ แต่ผู้นำศรีลังกาออกมาปฏิเสธและเผยว่า ศรีลังกาจะเป็นผู้สำรวจเอง แรงกดดันล่าสุดคือ การประชุมผู้นำรัฐบาลกลุ่มเครือจักรภพครั้งที่ 23 ที่เมืองโคลัมโบ ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย. ซึ่งถูกแคนาดา มอริเชียส และอินเดียตั้งข้อรังเกียจและกล่าวหาว่า รัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างร้ายแรงและเป็นอาชญกรรมต่อมนุษยชาติ กรณีการปราบปรามกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมอย่างโหดเจิ๊มิ้ยม นอกจากนี้ แม้นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะยอมเดินทางมาเยือนการประชุมดังกล่าว แต่เขาก็ได้เดินทางไปเยือนเขตจาฟนา เขตสงครามทางตอนเหนือของศรีลังกา สร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลนายราชปักษาอย่างมาก กลุ่มต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ประเมินไว้ว่า จากการสู้รบรุนแรงในระยะสุดท้ายของสงครามซึ่งสิ้นสุดในเดือนพ.ค.ปี 2552อาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงราว 40,000 ราย ขัดแย้งกับสิ่งที่นายราชปักษาและเหล่าพันธมิตรกลุ่มชนชาติ “สิงหล” ออกมาเผยว่า ไม่มีประชาชนเสียชีวิตในการสู้รบช่วงดังกล่าว
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบศรีลังกาเริ่มนับผู้เสียชีวิตจากเหตุขัดแย้งทางเชื้อชาติแล้ว