เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า คงพูดยาก ตอนนี้การเมืองคงจะสงบไประยะหนึ่ง พอผ่านวันเฉลิมพระชนมพรรษาไปก็คงตอบได้ยาก แต่ตนเองมีความเห็นอย่างหนึ่งว่าถ้าการทำงานของฝ่ายการเมืองต้องเดินทางสายกลางปัญหาหลายอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น อย่าให้หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ถ้ายึดตรงนี้ปัญหาก็จะได้รับการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น และไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน “การเดินทางสายกลาง มัชฌิมาปฎิปทา จะเดินแบบไหนมันมีคำตอบอยูในตัวอยู่แล้ว ผมพูดได้เพียงเท่านี้ ไม่สามารถพูดให้ลงลึกไปกว่านี้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเดินทางสายกลางประเทศไทยก็จะอยู่รอด ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แต่การทำแนวทางนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ที่ใจว่าจะทำอย่างไร ต้องเอาตัวของเราเองออกจากตัวตนของตัวเอง เพราะตัวเองมีกิเลสต้องเอาออกไปให้หมด วางจิตให้ว่างและต้องยึดสิ่งที่ถูกต้อง อย่างนี้ถึงจะไปได้” นายบรรหาร กล่าว เมื่อถามว่า จะเข้ามาเป็นคนกลางหรือไม่ นายบรรหาร ตอบทันทีว่า เป็นไม่ได้ เวลานี้ยังไม่รู้ว่าคณะปฎิรูปอยู่ตรงไหน ก็ไม่รู้ยังทำงานอะไรไม่ได้ ต้องหยุดชั่วคราวก่อน เมื่อถามว่า การยุบสภาฯถือเป็นทางออกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า การยุบสภาหรือการลาออกมันมีปัญหาตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอม จะทำอย่างไรตนตอบไม่ได้ ส่วนที่มีข้อเสนอให้ตั้งสภาประชาชนและนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องคิดเอาเองว่าจะเป็นสายกลางหรือไม่ ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรี มาตรา7 คิดว่าจะเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท เมื่อถามว่า ทางออกของประเทศไทยควรเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ตนชี้ไม่ได้เพราะคนที่จะชี้ได้จะต้องมีคนฟังด้วย ถ้าชี้แล้วไม่มีคนฟังก็ทำอะไรไม่ได้ และตนไม่ได้อยู่ในภาวะที่ชี้อะไรได้ เพราะบารมีคงมีไม่พอ สถานการณ์แบบนี้คงไม่มีความเห็น มันยากในการแก้ไข แต่ถ้าคิดในทางสายกลางก็จบ บอกได้แค่นี้ เพราะทุกคนมีความสามารถกันทุกคน เล่นการเมืองกันมานานหลายสิบปี ต้องเข้าใจตรงนี้ ส่วนการเจรจาก็เป็นเรื่องที่ดีเป็นแนวทางหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอเอาไว้ ซึ่งท่านยินดีที่จะรับฟัง เพราะนายกฯได้พยายามคลี่คลายเหตุการณ์บ้านเมืองให้ดีขึ้น เราก็คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะสงบเร็วภายในวันสองวันอย่างการเปิดทำเนียบรัฐบาลและกองบัญชการตำรวจนครบาล ตรงนี้คือทางสายกลางอันหนึ่งเหมือนกัน “ผมพูดไปก็ไม่มีใครฟัง พูดยาก ผมคงให้ความเห็นไม่ได้ ไปคิดกันเอาเองก็แล้วกันว่าทางสายกลางจะต้องทำอย่างไร ความจริงทั้งสองฝ่ายรู้จักกันหมด เห็นตาผมกระพริบหรือไม่จะร้องไห้อยู่แล้ว สงสารกันบ้าง ผมมันเล็กเหลือเกินเป็นแค่อนูละอองมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ไม่ใช่ฝนห่าใหญ่ ผมไม่มีพาวเวอร์พอ มีคำตอบอยู่ในใจแต่บอกไม่ได้ เพราะไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ตอนนี้การปฎิรูปที่ผมดำเนินการ ก็เดินไม่ได้ ประชุมไปใครจะมาฟังแต่ถ้ามีโอกาสก็จะยังทำอยู่” นายบรรหาร กล่าว เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยบอกว่ามีแนวทางการสร้างความปรองดอง นายบรรหาร ตอบว่า ตอนนั้นยังไม่มีการชุมนุม แต่ตอนนี้มีการชุมนุมมากเดี๋ยวดีไม่ดีก็จะมากันที่หน้าบ้านของตนอีก สมัยเสื้อแดงหน้าบ้านก็ถูกระเบิด อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายเดินทางสายกลาง เมื่อถามว่าสถานการณ์แบบนี้รัฐบาลยังจะเดินหน้าไปต่อได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า “เอาเป็นว่าคงไปได้ดีกว่า ส่วนจะครบเทอมหรือไม่เป็นเรื่องอนาคตใครจะไปตอบได้ ผมอยากให้ประเทศเหมือนประเทศญี่ปุ่น เวลาบ้านเมืองมีปัญหาก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ปีหนึ่งเลือกสักสามหน ทำให้คนดีเข้ามาให้ได้ ผมบอกตรง ๆ ว่าอนาคตก็เลิกเล่นการเมืองแล้ว ถ้าทำได้เหมือนญี่ปุ่นประเทศชาติก็ไปรอด อยากจะบอกว่าลงเลือกตั้งถ้าสู้ไม่ได้ก็ต้องหาวิธีสู้ให้ได้ แต่อย่างว่าบางฝ่ายก็ไม่ยอมรับแล้วมันจะทำอย่างไร” นายบรรหาร กล่าว เมื่อถามว่าได้กลิ่นยุบสภาเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เอาไว้สิ้นเดือน ธ.ค.ไปก่อนแล้วค่อยมาวิเคราะห์สถานการณ์กันอีกทีว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนั้นตนจะตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ"เติ้ง" แนะเดินสายกลางประเทศถึงอยู่รอด