สนับสนุนเว็บ

ผู้เขียน หัวข้อ: นวัตกรรมการศึกษายุคใหม่(1) - โลกาภิวัตน์  (อ่าน 167 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Permalink: นวัตกรรมการศึกษายุคใหม่(1) - โลกาภิวัตน์

04/ธ.ค./13 หัวข้อไอดี: 16035180 | ลิ้งค์หัวข้อ: /topic/16035180

ออฟไลน์ นๅยด้ามขวาน

  • ออฟไลน์
  • 49115
    30336
    64972



  • Administrator
  • *****
  • สมัครสมาชิกเมื่อ 17/07/2009
    YearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYearsYears
  • กระทู้ : 49115
  • Like Post : 64972
  • Peny : 30336
  • 16

    • ดูรายละเอียด


  • เข้าใช้งานล่าสุดเมื่อ 14/พ.ย./22


              การอุบัติขึ้นของเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว ทำให้คนในวงการอุดมศึกษาโลกเริ่มหันมามองนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด ที่จะสามารถทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงได้และสามารถประกอบสัมมาอาชีพจากสิ่งที่เรียนรู้ไปได้ดี    ในวงการศึกษาโลกขณะนี้ เริ่มหันไปมองการอุบัติของเทคโนโลยีทางการศึกษาใหม่ที่สามารถทำให้ทุกคนเข้าเรียนได้อย่างทั่วถึง ราคาที่เป็นไปได้ และมีคุณภาพที่จบไปแล้วสามารถทำงานและประกอบสัมมาอาชีพเพื่อสร้างและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ดี     นวัตกรรมแบบก้าวกระโดดซึ่งเจ้าของทฤษฎีชื่อเคลย์ตัน คริสเตนเซ่น (Clayton Christensen) ศาสตราจารย์ด้านบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งหมายถึง การคิดนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่แล้วเข้ามาทดแทนของเก่าไปตลอดกาล ตัวอย่างเช่น การกำเนิดโลกคอมพิวเตอร์ในยุคแรกของไอบีเอ็ม ก็คือเมนเฟรมคือเครื่องที่มีขนาดใหญ่และมีวิธีการเขียนโปรแกรมและการใช้งานยุ่งยากมากและราคาแพง ต่อมาการกำเนิดของยุคมินิคอมพิวเตอร์ราคาถูกกว่าใช้งานได้สะดวกเข้ามาทดแทนระบบเมนเฟรม  และในยุคหลังก็มีการกำเนินคอมพิวเตอร์พีซีโดยใช้ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ รวมทั้งแล็ปท็อปก็เข้าไปทดแทน ทั้งเมนเฟรมและมินิคอมพิวเตอร์เกือบหมด ปัจจุบันเริ่มมาใช้ระบบมือถืออัจฉริยะขนาดเล็กซื้อได้ราคาไม่แพงใช้ได้สะดวกสารพัด ซึ่งก็จะมาทดแทนเทคโนโลยีเก่าอีกหลายประเภทหลังการกำเนิดของยุคอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย    ปรากฏการณ์เช่นนี้ ดร.คริสเตนเซ่น ให้คำจำกัดความไว้ว่าคือนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด หรือ Disruption Innovation ผมไม่ทราบว่าใช้คำถูกหรือไม่เพราะเข้าใจว่าราชบัณฑิตยังไม่น่าจะแปลศัพท์ออกมา ในวงการอุดมศึกษาก็มีความพยายามสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนในเชิงคุณภาพตลอดมาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนขนาดใหญ่ซึ่งเกิดมานานซึ่งยังคงนิยมสอนแบบต้องเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยพบผู้สอนในห้องเรียน มีตำราเรียนแต่ละวิชาเล่มหนา ทำการบ้านและเข้าสอบเพื่อวัดระดับความรู้แล้วตัดเกรดเพื่อวัดคุณภาพของผู้เข้าเรียนสุดท้ายก็จบเป็นบัณฑิต มหาบัณฑิตและดอกเตอร์-ดุษฎีบัณฑิต ใครได้คะแนนการเรียนสูง ๆ เรียกว่าเกียรตินิยม การเรียนแบบนี้ก็ยังคงเป็นการเรียนการสอนหลักในมหาวิทยาลัยของรัฐขนาดใหญ่ของประเทศไทยในปัจจุบันรวมทั้งมหาวิทยาลัยอื่น ๆ โดยทั่วไป    แต่ถ้าจะไปมองดูความสำเร็จของบัณฑิตที่จบการศึกษาในระบบเศรษฐกิจปัจจุบันคงไม่พ้นจะต้องมามองการได้งานทำของบัณฑิตคือการที่บัณฑิตสามารถไปประกอบสัมมาอาชีพได้สำเร็จ แต่ปรากฏว่าตัวเลขการว่างงานคนจบปริญญาตรีและไม่มีงานทำก็ยังจะมีอีกมากแถมได้คะแนนเกียรตินิยมได้งานทำในช่วงแรกแต่เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ก็ไม่ประสบความสำเร็จในด้านการทำงานในช่วงต่อมา    คุณภาพของใบปริญญาจึงเป็นแค่ทางผ่านแต่ไม่ใช่การวัดเชิงคุณภาพในโลกความเป็นจริงของเศรษฐกิจในปัจจุบันในช่วงหลังการให้การศึกษาแก่มวลชนจำนวนมากด้วยระบบการศึกษาทางไกลด้วยตำราเรียนและศึกษาด้วยตนเองเพื่อเข้าสอบ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งก็มักจะเกิดกับมหาวิทยาลัยเปิด (Open University) โดยทั่วไปแต่อัตราการจบจะค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคนที่เข้ามาเรียน เพราะนักศึกษาจะต้องมีระเบียบวินัยของตนเองค่อนข้างมาก ในประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชในปัจจุบันและในแง่การตลาดเชื่อว่าค่าเล่าเรียนราคาถูกเพื่อเปิดโอกาสให้คนส่วนใหญ่ได้มีโอกาสเรียน    จึงมีการคิดว่าจะทำอย่างไรให้การศึกษามีคุณภาพซึ่งสะท้อนถึงบัณฑิตที่มีงานทำประกอบสัมมาอาชีพได้สำเร็จพร้อมทั้งเปิดกว้างพอให้นักศึกษาทั่วไปเรียนได้ ซึ่งผมจะเขียนในบทความหน้า.    รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล  อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด  [email protected]              



ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
นวัตกรรมการศึกษายุคใหม่(1) - โลกาภิวัตน์

LikePost โดย 0 สมาชิก :


 

Sitemap 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 
ร่วมขับเคลื่อนโดย