เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างพร้อมใจกันจัดงานหรือกิจกรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่อเนื่องมาช้านานนับแต่วันที่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อกว่า 67 ปีมาแล้ว นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตร ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 ภายใต้ชื่องาน “มหกรรมการเกษตร ใต้ร่มพระบารมี ปี 2556” ระหว่างวันที่ 1-15 ธันวาคม 2556 ณ อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งกิจกรรมภายในงานจัดเป็นรูปแบบนิทรรศการและแบบจำลอง ในส่วนของนิทรรศการ แบ่งเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของกรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นิทรรศการด้านพืชสวน พืชไร่ นิทรรศการ จีเอพี นิทรรศการความหลากหลายของกล้วยไม้ พันธุ์ต่าง ๆ กล้วยไม้เพื่อการส่งออกที่แสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานกล้วยไม้แห่งเอเชียแปซิฟิก ในปี 2559 นิทรรศการวิวัฒนาการการผลิตกาแฟของไทย นิทรรศการพันธุ์พืชแนะนำ เป็นต้น ในส่วนของแบบจำลอง กรมวิชาการเกษตรได้เนรมิตพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอาคารนิทรรศการ 2 เป็นแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่แบ่งพื้นที่ สำหรับทำนา ปลูกไม้ผลพืชผัก ขุดสระน้ำ และที่อยู่อาศัย ในสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ตามลำดับ กรมวิชาการเกษตรได้รวบรวมงานเชิงวิชาการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำลองให้พสกนิกรที่มาชมงานได้เห็นว่า พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพ มีพระเมตตาในการที่จะช่วยเหลือพสกนิกรที่ยากจนให้มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนเกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ที่ประชาชนสามารถเดินตามแนวพระราชดำริได้ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์น้ำ การทำอาชีพเกษตรตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการทำนา ปลูกผัก ผลไม้ไว้บริโภคเองในครัวเรือน ที่เหลือจึงนำไปขายในท้องถิ่น หรือรวมกันมากพอที่จะส่งออกไปขายต่างประเทศได้ ซึ่งทุกอย่างสามารถประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้จนถึงการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะในฐานะของผู้ผลิต ผู้บริโภคหรือผู้ส่งออกก็ตาม อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาโดยตลอด โดยเน้นเรื่องการอนุรักษ์ ตั้งแต่ต้นน้ำ บนป่าเขาลงมาถึงระดับพื้นราบว่าทุกอย่างอยู่กันได้ด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น ไม่ทำลายป่า รักษาต้นน้ำ สามารถทำการเกษตรในระบบป่าได้ เช่น วนเกษตร เราสามารถปลูกผักผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกบนที่ดอย บนพื้นที่สูงได้ ขณะเดียวกันก็สามารถปลูกพืชบนที่ราบได้เช่นกัน เรียกว่าสามารถทำการเกษตรตั้งแต่บนพื้นที่สูงสุดไปจนต่ำสุดได้ ถ้าทำในเชิงระบบตามแนวพระราชดำริที่ได้พระราชทานไว้ คือไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำการเกษตรเกื้อกูลกับสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ส่วนแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กรมวิชาการเกษตรได้นำหลักการที่ทรงแนะนำมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีของกรมฯ เพื่อให้เกิดวิธีการที่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีการผลิต ปุ๋ยหรือสารเคมีก็ใช้อย่างเหมาะสมตามความจำเป็นของแต่ละชนิดพืช ซึ่งแนวทางนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งการเกษตรในเชิงอนุรักษ์หรือการเกษตรเพื่อการแข่งขัน “และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา พันธุ์พืชที่ได้รับการรับรองในปีนี้ กรมวิชาการเกษตรจะใช้ตัวเลขพระชนมพรรษา 86 ต่อท้ายพันธุ์พืชทุกพันธุ์ เพื่อให้พสกนิกรทราบว่าพันธุ์พืชทั้งหลายเกิดจากพระราชดำริของพระองค์ท่าน และกรมวิชาการเกษตรรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม ปฏิบัติตามแนวทางที่ทรงสอนจนได้พันธุ์ดีสู่เกษตรกร” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวย้ำ ท้ายนี้ ขอเชิญชวนเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ไปชมงาน “มหกรรมการเกษตร ใต้ร่มพระบารมี ปี 2556” ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ต.แม่เจิ๊มิยะ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 ธันวาคม 2556 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานแนวพระราชดำริที่ทรงคุณค่ายิ่งไว้สำหรับเป็นแนวทางการประกอบอาชีพ และดำเนินชีวิตของประชาชนชาวไทย.
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ‘มหกรรมการเกษตร ใต้ร่มพระบารมี’ - บอกกล่าวเล่าขาน