ของดีเมืองระนอง

[น้องน้ำหอม]

• Bookmark
• Permalink
• Tweet
• Share
• PM

ของดีเมืองระนอง

ระนองเป็นจังหวัดแรกของภาคใต้ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน หรือ มหาสมุทรอินเดีย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทางประมาณ 568 กิโลเมตร มีพื้นที่เพียง 3,298 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,141,250 ไร่ ระนองยังเป็นที่ตั้งของคอคอดกระ หรือกิ่วกระ ซึ่งเป็นส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู ระยะทาง 47 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ จังหวัดระนองมีรูปร่างเรียวยาวและแคบ โดยมีส่วนที่ยาวที่สุด ยาวประมาณ 169 กิโลเมตร และส่วนที่กว้างที่สุด 44 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดของจังหวัดอยู่ในท้องที่อำเภอกระบุรี มีความกว้างเพียง 9 กิโลเมตรเท่านั้น

แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดระนองจังหวัดระนองมี อาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้

    * ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และประเทศสหภาพพม่า
    * ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
    * ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเมือง อำเภอสวี และอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร
    * ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเกาะสอง เขตทวาย ประเทศสหภาพพม่า และมหาสมุทรอินเดีย

จังหวัดระนองแบ่งการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอกะเปอร์ อำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น และกิ่งอำเภอสุขสำราญ

ระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ

    * อำเภอเมือง – อำเภอกระบุรี 57 กิโลเมตร
    * อำเภอเมือง – อำเภอละอุ่น 43 กิโลเมตร
    * อำเภอเมือง – อำเภอกะเปอร์ 52 กิโลเมตร
    * อำเภอเมือง – กิ่งอำเภอสุขสำราญ 85 กิโลเมตร

สถานที่น่าสนใจในเขตอำเภอเมือง

    * สุสานเจ้าเมืองระนอง
    * บ่อน้ำร้อน – สวนรุกขชาติรักษะวาริน
    * วัดหาดส้มแป้น
    * วัดสุวรรณคีรี (วัดหน้าเมือง)
    * น้ำตกปุญญบาล
    * น้ำตกโตนเพชร
    * ภูเขาหญ้าหรือภูเขาหัวล้าน
    * อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
    * ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว
    * หาดชาญดำริ
    * วิคเตอเรียพอยท์
    * เกาะช้าง
    * เกาะพยาม
    * สวนรุกขชาติป่าชายเลน
    * ระนองแคนย่อน
    * วัดป่าชัยมงคล
    * สวนเกษตรเชิงสุขภาพ
    * บ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง
    * พระราชวังรังสรรค์ (จำลอง)
    * จวนเจ้าเมืองระนอง
    * เกาะสน

สถานที่น่าสนใจในเขตอำเภอกระบุรี

    * ศิลาสลักพระปรมาภิไธย
    * คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ
    * ถ้ำพระขยางค์
    * น้ำตกชุมแสง หรือ น้ำตกสายรุ้ง
    * น้ำตกบกกราย

สถานที่น่าสนใจในเขตอำเภอกะเปอร์

    * เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา
    * น้ำตกพันเมตร
    * อุทยานแห่งชาติแหลมสน
    * หาดบางเบน
    * หาดแหลมสน

สถานที่น่าสนใจในเขตกิ่งอำเภอสุขสำราญ

    * หาดประพาส หรือ หาดหินทุ่ง
    * เกาะค้างคาว
    * หมู่เกาะกำ
    * เกาะกำใหญ่
    * เกาะกำนุ้ย

สถานที่น่าสนใจในเขตอำเภอละอุ่น

    * เขาฝาชี
    * ซากเรือรบญี่ปุ่น
    * ถ้ำหนัดได หรือถ้ำค้างคาว

[~~nok..เด็กนอง~~]

• PM

กาหยูเผาแบบโบราณ กลิ่นหอม กรอบ รสชาติดี เมืองระนอง

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

               กาหยู หรือมะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดระนอง ปลูกมากที่เกาะช้าง เกาะพยาม ผลผลิตกาหยูจะเก็บได้ประมาณเดือนธันวาคม-มีนาคมของทุกปี เกษตรกรเจ้าของสวนจะปล่อยให้กาหยูสุกจนร่วงหล่น แล้วไปเก็บใต้โคนต้น โดยก่อนกาหยูใกล้สุกเกษตรกรจะทำความสะอาดบริเวณโคนต้นให้สะอาด โล่งเตียน เพื่อความสะดวกในการเก็บเมล็ดกาหยูที่ร่วงหล่นบนพื้นดินใต้โคนต้น ปลิดเอาเฉพาะเมล็ดไปขาย ราคากิโลกรัมละ 27-30 บาท ตามคุณภาพ นอกจากขายให้กับพ่อค้าเพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปเชิงอุตสาหกรรมแล้ว เกษตรกรก็ขายให้กับผู้ประกอบการแปรรูปในท้องถิ่น เพื่อผลิตเป็น "กาหยูเผาแบบโบราณ"

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

                 คุณวัชรี สุวัตถิกุล เจ้าของร้านวัชรีกาหยูเผาแบบโบราณ ตั้งอยู่เลขที่ 55/5 หมู่ที่ 1 ตำบลหงาว อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง โทร. (077) 823-783 ตั้งอยู่ติดกับภูเขาหญ้า ทางเข้าวัดหงาว และทางเข้าศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง ที่ UNESCO ประกาศให้เป็นเขตสงวนชีวมณฑลของโลก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระนองไปทางภูเก็ต 13 กิโลเมตร เล่าให้ฟังว่า การทำกาหยูเผาแบบโบราณครอบครัวของตนทำกันมานานกว่า 50 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่รุ่นตา ยาย พ่อ แม่ และตนเองมารับช่วงต่อ เมื่อประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา วัตถุดิบใช้เมล็ดกาหยูที่รับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่นำมาขายโดยตรงไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย โดยจะรับซื้อไว้ให้เพียงพอต่อการผลิตตลอดปีประมาณ 60,000 กิโลกรัม ต่อปี

               เมื่อถามว่า กาหยูเผาแบบโบราณดีกว่าการแปรรูปโดยวิธีการต้มหรือการแปรรูปวิธีการอื่นอย่างไร คุณวัชรี บอกว่า กาหยูแบบโบราณจะหอมตามธรรมชาติ รสชาติดี ไม่ต้องปรุงแต่ง

               ขั้นตอนการเผา เริ่มจากรับซื้อเมล็ดกาหยูจากเกษตรกร แล้วนำไปตากแดดก่อนนำไปคั่วหรือเผา โดยใช้กระทะที่ออกแบบเอง โดยทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 70 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร และเจาะรูที่ก้นกระทะ เตาเผาก็โบราณ โดยใช้หินก้อนโตวางเป็นสามเส้า ใช้เปลือกกาหยูเป็นเชื้อเพลิง คั่วบนเตาประมาณ 20 นาที จนกระทั่งยางเริ่มออกจากเปลือกเมล็ดกาหยู ไฟจากเตาก็จะขึ้นไปลุกโชนในกระทะเหมือนเผากาหยู จึงเรียกกันว่า กาหยูเผา

               จากนั้นยกกระทะลงจากเตาและคั่วต่อไปจนเมล็ดกาหยูสุกจนทั่ว สังเกตได้จากเมล็ดจะไหม้ดำทั่วทั้งกระทะ จึงใช้น้ำดับไฟ แล้วเทลงบนพื้น เกลี่ยบางๆ ทิ้งไว้จนเย็น จึงนำไปแกะเปลือกออก โดยใช้ค้อนเล็กๆ เคาะเบาๆ ก็จะได้เมล็ดกาหยูเผา

                จากนั้นคัดแยกเมล็ดดี เมล็ดแตกหักออกจากกัน และทำความสะอาดเอาเศษสิ่งเจือปนออก แล้วนำเข้าอบในตู้อบอีก 2 ชั่วโมง เพื่อให้สุกเต็มที่ เพิ่มความกรอบ ความหอม เสร็จแล้วถึงขั้นปอกผิวและบรรจุพร้อมจำหน่าย ขนาดบรรจุชนิดปอกผิว ขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 230 บาท ชนิดไม่ปอกผิว ขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 200 บาท

               เจ้าของร้านวัชรีกาหยูเผาบอกว่า ปัจจุบันที่ร้านนอกจากจะมีกาหยูเผาจำหน่ายตลอดปีแล้ว ก็มีกาหยู
แบบอบเนย อบเกลือ กาหยูทอด และมีสินค้าพื้นเมืองของดีเมืองระนองครบถ้วน เช่น กะปิ กุ้งแห้ง ปลาแห้ง ปลาเค็ม ฯลฯ จำหน่ายอีกด้วย คุณวัชรีให้ความมั่นใจด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความสะอาด เพราะตนเองให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด สุขอนามัย ทั้งนี้ ได้รับอนุญาตจากจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ให้ตั้งเป็นโรงงานผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย ตามใบอนุญาตเลขที่ 85-2-00448 ลงวันที่ 20 มกราคม 2548 จึงรับประกันได้ว่า กาหยูเผาแบบโบราณ ของร้านวัชรีสะอาด ถูกสุขอนามัย มีกลิ่นหอมธรรมชาติ ใหม่สด และกรอบ จึงขอเชิญชาวระนองและนักท่องเที่ยวผู้ที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดระนอง แวะไปเยี่ยมชมได้ที่ร้านตลอดเวลา ด้วยความยินดี

               นายชิงชัย เพชรพิรุณ เกษตรจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนองปลูกมะม่วงหิมพานต์หรือกาหยู ประมาณ 37,863 ไร่ ผลผลิตปีละ 7,368 ตัน และมีแนวโน้มจะขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น เนื่องจากมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่มีลักษณะพิเศษคือ สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพดินเลว แห้งแล้ง และให้ผลผลิตในช่วงแล้ง กล่าวคือ เริ่มติดผลเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน และจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี จึงเป็นพืชที่มีความเหมาะสมอีกชนิดหนึ่งที่จะปลูกได้ดีในเขตจังหวัดระนอง

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

               ประกอบกับมะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของต้น เช่น ผลปลอม ใช้รับประทานเป็นอาหาร ทำแยม ทำน้ำส้มสายชู เครื่องดื่มและไวน์ หรือใช้ทำปุ๋ยน้ำชีวภาพก็ได้ เมล็ดใน ใช้รับประทานเป็นอาหาร มีคุณค่าทางอาหารสูง เปลือกหุ้มเมล็ด ใช้ทำเชื้อเพลิง ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสกัดเป็นน้ำมัน มีประโยชน์ทางอุตสาหกรรมทำผ้าเบรก แผ่นคลัตช์ หมึกพิมพ์ สีทาบ้าน ใบและยอดอ่อนรับประทานบรรเทาโรคท้องร่วง บิด และริดสีดวงทวาร ลำต้น ใช้ทำลังไม้ จิ๊มิบใส่ของ เป็นต้น

               เกษตรจังหวัดระนอง ได้กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมการปลูกมะม่วงหิมพานต์ว่า เนื่องจากสวนมะม่วงหิมพานต์ปัจจุบันมีสภาพเสื่อมโทรม อายุมาก จึงจะส่งเสริมให้เกษตรกรเร่งปรับปรุงบำรุงสวน โดยการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยให้สภาพต้นสมบูรณ์ เพื่อให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และจะส่งเสริมให้มีการปลูกเพิ่มหรือปลูกทดแทนสวนเก่าที่เสื่อมโทรม เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น และขณะนี้สำนักงานได้เตรียมต้นกล้าพันธุ์ดีไว้เพื่อสนับสนุนเกษตรกรแล้ว 1 ล้านต้น

              นายชิงชัย เพชรพิรุณ เกษตรจังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการตลาดจะสร้างเครือข่ายด้านการตลาดให้กับเกษตรกร ในเบื้องต้นจะใช้ร้านวัชรีกาหยูเผาแบบโบราณ เป็นแหล่งรับซื้อผลผลิตของเกษตรกร โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางและจะใช้ร้านดังกล่าวเป็นแหล่งเรียนรู้ในการแปรรูป เป็นจุดบริการด้านการท่องเที่ยวในการเป็นจุดรวบรวมของดีของเมืองระนอง และสำนักงานเกษตรจังหวัดระนอง จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากมะม่วงหิมพานต์ผ่านเว็บไซด์ คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ด้วย   

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

เครดิต  :  http://ranong.doae.go.th

[~~nok..เด็กนอง~~]

• PM

ของฝากเมืองระนอง

                                                                                                 

                 อาหารการกินเมืองระนองเพียบพร้อม มีทั้งอาหารบกพื้นบ้านและอาหารทะเลพื้นบ้าน แต่ก็น่าเสียดายที่ไปกินแล้วบางทีอร่อยจนลืมถ่ายรูป เฮ้อ ! บ่อยครั้งที่คนแก่อย่างลุงดำทำเสียเรื่องเสียอย่างนี้  งวดนี้ก็เหมือนกัน กินได้กินดี กินจนลืมถ่ายรูป
                  อย่างไรก็ตาม อยากเล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยประเภท ของฝากสดๆบ้าง ของกินเหมือนของว่างบ้าง ยกโทษให้ลุงเถอะ ไปงวดหน้า(ถ้ามี) จะถ่ายก่อนกินมาฝากให้เป็นเรื่องเป็นราวเชียว

                            

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

               เริ่มต้นด้วย สะตอ พวงละ 20 บาท แทบจะแย่งกันทันทีที่รถจักรยานของชาวบ้านจอดสนิทที่ลานแสดงการรำร่อนแร่ ของเยาวชน เรียกว่าอยากได้สะตอกลับบ้านมากกว่าการแสดงเชียวนะ ว่าก็ว่าเถอะ สะตอมันอร่อยจริงๆ กินแล้วยิ่งมันเขี้ยวอยากกินอีก ทั้งๆที่กินแล้วกลิ่นปากบอกหมดว่าเพิ่งกินสะตอมา ชาวใต้เขากินมะเขือเปราะ ตามไป 2-3 ลูกแก้กลิ่นครับ
               สะตอมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Parkia  speciosa อยู่ในวงศ์ FABIACEAE ชื่อสามัญ Stin bean ใบแบบขนนกสองชั้น เมล็ดขับลมในลำไส้  แก้ปัสสาวะพิการ  และไตพิการ ลดความดันโลหิต ลดการแบ่งตัวของเซลล์  ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย  เชื้อรา  ลดน้ำตาลในเส้นเลือด  และพอเห็นว่ามีสะตอมาขายจึงได้แย่งกัน ย้บ  สะตอผัดกุ้งสด  สะตอจิ้มน้ำพริกสดๆ  สะตอแกงไตปลา  ฯลฯ ล้วนแต่ชวนกิน

        

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

                 

                ผักเหลียง  ไม้พุ่มเตี้ย สูง1-3 เมตร ใบเขียวขจี รูปเรียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gnetum gnemon Linn. var. tenerum Markgr.อยู่ในวงศ์ GNETACEAE มีชื่อสามัญหลายชื่อเช่น เขลียง  เรียนแก่(นครศรีธรรมราช) ผักกะเหรี่ยง(ชุมพร)  ผักเมี่ยง,เหมียง(พังงา) ส่วนที่นิยมกินเป็นอาหารคือใบอ่อนๆ รสชาติหวานนิดๆ มัน ใช้เป็นผักแนมหรือผักเคียง  ต้มจืด  แกงกะปิ ลวกจิ้มน้ำพริก เคียงขนมจีนสดๆ และยิ่งอร่อยเมื่อกินกับคั่วกลิ้งเผ็ดๆ
                 บางทีก็ใช้เป็นผักผัดกับไข่  หมูสามชั้น ต้มกะทิ ฯลฯ แต่ที่แน่นอนเลยใบเหลียงมีเบต้าแคโรตีนสูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล สารอาหารเพียบ แต่ที่แน่ๆ วันที่มาถึงระนอง มื้อค่ำมื้อแรก ได้กินผักเหลียงผัดใข่ชอบใจกันมาก พอเช้าวันกลับไปเจอผักเหลียงวางขายในตลาดน้ำวัดหาดส้มแป้นเท่านั้น ซื้อกันคนละสองสามมัดกลับบ้าน บ้านที่กรุงเทพนะครับ
                  มีมานะมากจนยอมหอบไปยังกับยายเพิ๊งหอบฟาง

                               คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

                ยาวเย  อาหารจานที่เห็นสีสันสดๆอยู่ในจานนี่แหละ บ้างก็ว่าพระรามลงสรง แต่คนระนองเรียกว่ายาวเย ส่วนประกอบของยาวเยคือ ผักบุ้งซอยสั้นๆ ลวก  กุ้งลวกสุก  ลูกชิ้นปลาลวกสุก  เต้าหูทอด  ปลาท่องโก๋หั่นขวาง  กุ้งแห้งชุบแป้งทอด  ไข่ต้ม ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่  ราดด้วยน้ำจิ้มงาดำ เหยาะซอสมะเขือเทศผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน กินเป็นของว่าง รสชาติเปรี้ยวนิดๆ เค็มหน่อยๆ คล่องคอดี

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

                 ใกล้ๆกันมีต้มเนื้อเปื่อย ประกอบด้วยเนื้อติดกระดูก ไส้ กระเพาะ ตับ กระดูกอ่อน หนังวัว ใส่ผสมในตะไคร้ดับกลิ่น  ข่าหั่นขวาง  หอมแดงและกระเทียม ปรุงด้วยน้ำส้มสายชูผสมพริกขี้หนู เกลือ และน้ำตาลนิดๆ เป้นน้ำจิ้มหรือปรุงผสมก็แล้วแต่ชอบ

                              

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

                  ช่วงก่อนถึงบ้านทับหลี จำชื่อหมู่บ้านไม่ได้แล้ว มีปูเนื้อ  ปูไข่ และ ปูนิ่ม วางขายรวมๆกับหอยตลับ  หอยนางลม  เป็นของฝากที่ยังเป็นๆอยู่ การเดินทางอีก 5 ชม.ไม่มีปัญหา ทั้งปูและหอยยังไม่ตาย นักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์มาเองนิยมซื้อกลับไปกินที่บ้าน ส่วนคนที่มีรถประจำทางคงไม่ซื้อ เว้นแต่มากับทัวร์ด่วนๆ ดิ่งกลับทันทีซื้อได้ไม่น้อยเลย
                   นี่ถ้าชาวบ้านตรงจุดนี้มีวัตถุดิบสม่ำเสมอ สด และราคาย่อมเยาว์ หากจะปรุงน้ำจิ้มรสแซบๆ  พร้อมรับนึ่งหรือเผา ให้นั่งกินกันริมทางได้ก็น่าจะมีลูกค้าไม่น้อย  

                  เมืองระนองติดชายฝั่งทะเลอันดามัน อาหารทะเลมีมากมายให้เลือกหากินได้ทั่วไป แต่ถ้าคิดถึงคนทางบ้านที่ไม่ได้ไปด้วย จะซื้อหามาฝากก็ได้ไมตรี ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น  

                  

  คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

 

               ขาดไม่ได้ก็ซาลาเปาทับหลี  เป็นหมู่บ้านโอทอปสำคัญเรื่องซาลาเปา โด่งดังมาก มีนักท่องเที่ยวนิยมซื้อไปฝากญาติมิตรไม่ขาดสาย จนถึงกับตั้งเป็นชมรมซาลาเปาทับหลีได้ สมาชิก 44 ราย แต่เนื่องจากมีร้านดังๆ แย่งลูกค้าไปแทบหมด ในที่สุดสมาชิกเลิกทำไปเสีย 20 ราย
                นักท่องเที่ยวที่รักและเคารพครับ ส่วนใหญ่เขาทำด้วยสูตรเดียวกัน ฝึกสอนสืบต่อกันมา ไม่น่าจะแตกต่าง ดังนั้นเมื่อไปถึงหมู่บ้านทับหลีขอได้ดปรดช่วยกระจายรายได้ให้ทั่วถึงหน่อย ครับ  แต่ถ้าเชื่อว่ามีอยู่ร้านเดียวที่อร่อยก็ตามใจ



        

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

        

เครดิต  :  http://www.thongthailand.com
             ลุงดำ คำโต  เรื่อง-ภาพ

[~~nok..เด็กนอง~~]

• PM

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

โกมาซุม ไม้ประจำเมืองระนอง

            โกมาซุม คือ กล้วยไม้ป่าชนิดหนึ่ง มีชื่อว่า “ เอื้องเงินหลวง ” Dendrobium Formasum (จากหนังสือกล้วยไม้ของ อ.ระพี สาคะริก)

มีลักษณะคล้ายกับดอกแคทลียา ซึ่งเป็นราชินีดอกกล้วยไม้ พบมากในป่าที่มีความชุ่มชื้นของจังหวัดระนอง โดยเฉพาะเขาน้ำตกหงาว บริเวณอำเภอเมือง 

ลักษณะลำต้น เป็นปล้อง ๆ เท่านิ้วชี้ เนื้อเยื่ออ่อน ๆ ใบบาง ๆ เรียวเล็ก สีเขียวอ่อนถึงแก่ แยกออกสองทาง

            โกมาซุมจะออกดอก ออกช่อสมบูรณ์สวยงามมาก ลักษณะดอก มีสีขาว มีสี่กลีบ กลีบใหญ่มีแต้มสีเหลืองอ่อนอยู่ตรงกลางบริเวณใกล้ลิ้น มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ บานอยู่ได้หลายวัน โดยจะออกดอกบานสะพรั่ง ในช่วงเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม ของทุกปี

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

            ที่มาของชื่อ โกมาซุม มาจากชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อ มิสเตอร์ สกอต ซึ่งเข้ามาทำเหมืองแร่ บริษัท ไซมิสติน ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ได้ตัดดอกไม้ชนิดนี้ ซึ่งพบในป่าแถบนั้น มาแขวนประดับไว้บริเวณบ้าน แล้วเรียกว่า “ ฟอร์ม มา ซ่อม ” คาดว่าคงเป็นการเรียก Species ของต้นไม้นี้ และคนไทยได้เรียกชื่อต่อ ๆ มาจนกลายเป็น “ โกมาซุม ” ในปัจจุบัน

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

เครดิต   :  คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ