คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบฝรั่ง
ชื่อสมุนไพร ฝรั่งชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น มะก้วย มะก้วยกา มะกา (เชียงใหม่) , มะปั่น (ลำปาง) , บักสีดา (อีสาน) , สีดา (จังหวัดนครพนม) จุ่มโป่ (สุราษฎร์) , ชมพู่ (จังหวัดปัตตานี) , ยามู ,คุณย่าหมู (ภาคใต้) ยะมูบุเตบันยา (นาราธิวาส , มลายู) , ยะริง (ละว้า) , ฮวงเจี๊ยะหลิ่วกังซิวก้วยแปะจีฉิ่ว (จีน)
ชื่อสามัญ Guavaชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linnวงศ์ MYRTACEAEถิ่นกำเนิด ฝรั่งคือผลไม้ที่มีบ้านเกิดเมืองนอนหรือเป็นพืชประจำถิ่นของเมริกาเขตร้อน De Candolle เชื่อว่าอยู่ระหว่างประเทศเม็กซิโก รวมทั้งเปรู รวมถึงหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วยชาวประเทศสเปนนำจากฝั่งแปซิฟิคไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และก็โปรตุเกสนำจากฝั่งตะวันตกไปยังอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้น คาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยของสมเด็จพระท้องนารายณ์มหาราช ปัจจุบันเป็นพืชมีขึ้นทั่วๆไปในเขตร้อนแล้วก็ครึ่งร้อน ปลูกเป็นไม้ผลตามบ้าน ตามสวนทั่วไป
ลักษณะทั่วไป ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมสูง 5-10 เมตร ลำต้นกิ่งไม้มีเนื้อไม้เหนียวแข็งดี เปลือกต้นเรียบมีเหลืองอ่อนออกเทา รวมทั้งมีรอยลอกออกเป็นแผ่นๆก้านอ่อนมีลักษณะสี่เหลี่ยม มีขนสีขาวๆสั้น ก้านแก่ ขนหล่นไปหมด ยอดอ่อนมีขนสีขาวสั้นๆปกคลุม ใบเป็นใบผู้เดียวออกตรงกันข้ามกันมีน้อยที่ออกเป็นวง (ที่ข้อเดียวกันออกเกินกว่า 2 ใบ) ใบรูปไข่ยาว 5-12 ซ.ม. หรือกว้าง 3-5 เซลเซียสม. ขยี้ใบดมดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมสดชื่น ใบบางเหมือนแผ่นหนัง ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ฐานใบเบาๆขยายแหลมออกมายังกึ่งกลางใบ ขอบของใบเรียบข้างหลังใบมีสีเขียวแก่ มีรอยเส้นใบ (บุ๋มลงไปน้อย) ท้องใบมีขนสั้นๆสีขาวนุ่ม รวมทั้งมีเส้นใบเป็นรอยนูนออกมา มีเส้นใบ 7-11 คู่ ก้านใบยาว 4 ซม. ดอกอาจออกเป็นช่อ 1-4 ดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวกลมมน กลีบดอกไม้สาวบางๆหลุดตกง่าย ยาว 2-2.5 เซลเซียสมัธยม มีเกสรตัวผู้มากมาย มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวยาวพอๆกับกลีบดอกไม้ มีอับเรณูสีเหลืองอ่อน มีก้านเกสรตัวเมีย 1 อันยาวพุ่งขึ้นมาสูงยิ่งกว่าก้านเกสรตัวผู้ รังไข่อยู่ด้านล่างมี 5 ห้องและลักษณะทรงกลม แล้วก็มีกลีบเลี้ยงเหลือติดอยู่กับปลายผล ผลทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวราว 3-15 ซ.ม. เนื้อผลส่วนใหญ่มีสีเหลือง ขาว หรือชมพู มีกลิ่นหอมสดชื่น เมล็ดแข็ง เป็นรูปไตมีมากมาย ขนาดเมล็ด 0.3-0.5 เซนติเมตร สีขาวอ่อน พบได้บ่อยปลูกตามบ้านหรือสวนทั่วไปเอาผลไว้กินหรือขาย
การขยายพันธุ์ สามารถเติบโตเจริญในทุกภาวะดิน และทนต่อความแล้ง แล้วก็น้ำขังได้น้อย แต่โดยปกติมักชอบเติบโตเจริญในดินร่วนซุยผสมทราย ที่มีภาวะพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1 ปีข้างหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในตอน 4-5 เดือน ข้างหลังติดดอก โดยธรรมดาจะได้ผลได้ในช่วงปลายฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝนเป็นช่วงมี.ค.-เดือนมิถุนายน
สำหรับการขยายพันธุ์ฝรั่งสามารถทำเป็นหลายแนวทาง ดังเช่นว่า การปลูกด้วยเมล็ด การทาบกิ่ง การตำหนิดตา การปักชำ แต่ว่าแนวทางที่นิยมมากที่สุด คือ การตอนกิ่ง
การเตรียมดิน และก็การเตรียมแปลง สำหรับในการปลูกฝรั่งนั้น สามารถทำได้ 2 รูปแบบตามสภาพพื้นที่ เป็น
- พื้นที่ดินเหนียว น้ำหลากขังง่าย และก็มีระบบระเบียบน้ำมากเกินเพียงพอ ให้กระทำขุดร่องลุกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเป็นแนวร่องสำหรับเพื่อการให้น้ำ การเตรียมแปลง รวมทั้งการปลูกไว้ในรูปแบบนี้พบได้ทั่วไปในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเป็นส่วนใหญ่
- พื้นที่ทั่วไปที่มีระบบน้ำน้อยเกินไป สามารถปลูกเอาไว้ในแปลงโดยไม่ยกร่องหรือการชูร่องสูงราวๆ 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องราวๆ 3-4 เมตร ทั้งนี้ ให้กระทำไถดะ 1 ครั้ง เพื่อตากดิน และกำจัดวัชพืช รวมทั้งไถแปร 1 ครั้ง โดยเว้นตอนห่างราว 1-2 อาทิตย์ จากนั้นทำไถชูร่อง
ส่วนวิธีการปลูกฝรั่ง มีดังนี้- ใช้กิ่งประเภทจากการตอนหรือการปักชำ
- ขุดหลุมปลูก กว้าง ลึก ขนาด 50×50 เซนติเมตร แต่ละหลุมห่างกันโดยประมาณ 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 3-4 เมตร หรือตามขนาดระยะห่างของร่อง
- รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ราว 0.5 กก./หลุม หรือขนาด 1 พลั่วตัก พร้อมคลุกดินผสมก้นหลุมให้สูงโดยประมาณ 1 ฝ่ามือ ดังนี้บางทีอาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ในอัตรา 1 กำมือ/หลุมก็ได้
- นำกิ่งพันธุ์ จากการทำหมันหรือการปักชำลงหลุมปลูก โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมเล็กน้อย ทั้งนี้ควรจะให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงราว 10-15 ซม.
- ใช้หลักไม้ปักหลุม แล้วก็ผูกเชือกยึดลำต้น
- เมื่อปลูกเสร็จควรจะให้น้ำให้ชุ่มโดยทันที
การให้น้ำ เริ่มให้น้ำครั้งแรกข้างหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม ต่อจากนั้น ให้น้ำทุก 2 ครั้ง/วัน ยามเช้า-เย็น จนกระทั่งต้นฝรั่งตั้งตัวได้ โดยอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีประสิทธิภาพ จากนั้นอาจทำการให้น้ำลดลง ขึ้นกับสภาพอากาศ แล้วก็ความชุ่มชื้นของดิน ซึ่งไม่ควรปลดปล่อยให้ดินแห้ง ขาดน้ำ โดยเฉพาะในช่วงติดผล แต่ว่าในตอนติดดอกไม่ควรให้น้ำมากมายซึ่งในตอนนี้แค่เพียงระวังไม่หน้าดินแห้งก็ เพียงพอ
โดยสายพันธุ์ของฝรั่งยอดนิยมในตอนนี้ ดังเช่น จำพวก แป้นสีทอง , พันธุ์กิมจู , ประเภทกลมสาลี่ , จำพวกไร้เม็ด , ชนิดเวียดนาม เป็นต้น
ส่วนประกอบทางเคมีquercetin, quercetin-3-arabinoside , quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) แล้วก็ quercetin 3-O gentiobioside , Tannin ในผิวฝรั่งเมื่อนำมาสกัดน้ำมันระเหย เจอสารต่างๆดังเช่น 1,8-cineole , a-copaene, trans-caryophyllene , humulene , a-amorphene , nerolidol , caryophyllene oxide , epigiobulol, longitorenedehyde , aromaden dendrene , helifdenolC ฯลฯ รวมทั้งสำหรับค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ (165 กรัม) เป็น
- พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
- ใยอาหาร 8.9 กรัม
- โปรตีน 4.2 กรัม
- ไขมัน 1.6 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม
- วิตามินเอ 1030 IU
- วิตามินซี 377 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 1 0.1 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.1 มก.
- วิตามินบี 3 1.8 มก.
- กรดโฟลิก 81 ไมโครกรัม
- ธาตุแคลเซียม 30 มก.
- ธาตุฟอสฟอรัส 66 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
- ธาตุโพแทสเซียม 688 มก.
- ธาตุทองแดง 0.4 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia
ผลดี/สรรพคุณ ฝรั่งคือผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก ลดหุ่น หรือคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล้วจะมีผลให้อิ่มนาน ช่วยกำจัดท้องร้อง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้สมควร รวมทั้งยังช่วยล้างพิษโดยรวมได้อีกด้วย จึงมีผลทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส โดยฝรั่งจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกประเภท และก็ยังมีวิตามินซีสูขี้งกว่าส้มถึง 5 เท่า และยังนิยมนำฝรั่งไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นต้นว่า
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบฝรั่ง
ดอง ฝรั่งแช่บ๊วย พายฝรั่ง และของหวานอีกหลายประเภท รวมถึงประยุกต์ใช้ทำเป็นยาแคปซูลแก้ท้องร่วงจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งใส่แคปซูลละ 250 มก.
นอกจากนั้นน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่งยังมีการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมของกิน ยกตัวอย่างเช่น หมากฝรั่ง ทอฟฟี่ รวมถึงนำมาผสมหรือแต่งกลิ่นในน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของฝรั่งนั้นมีดังนี้ แบบเรียนยาไทยกล่าวว่า เปลือกต้น, ราก รสฝาด อ่อนโยน ใช้แก้แผลมีพิษ แก้ปวดฟัน โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการเลือดกำเดา แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง ใบรสฝาดเปียก สุขุมไม่มีพิษ ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเดิน บิดเรื้อรัง ลมพิษ ผื่นคัน บาดแผลที่มีเลือดออก ผลที่ยังไม่สุก รสเปรี้ยว ฝาดอ่อนโยน ใช้แก้ท้องเดิน บิด ขจัดกลิ่นปาก แก้ปวดฟัน ผลหมูสหวานหอมใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ใช้ห้ามเลือดต่อต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เปลือกแห้งหนัก 10 กรัม ต้มน้ำกิน ใบแห้งหนัก 3-5 กรัม ถ้าเกิดเป็นใบสดใช้หนัก 15-30กรัม ต้มน้ำกิน ถ้าใช้ด้านนอกต้มเอาน้ำชะล้างหรือตำพอก ผลที่ยังไม่สุก แห้งหนัก 6-10 กรัม ต้มน้ำกิน
แบบอย่าง/ขนาดวิธีใช้- แก้ลำไส้อักเสบ บิด ใช้ใบสด 30-60 กรัม ต้มน้ำดื่ม
- แก้กระเพาะลำไส้อักเสบทันควันแล้วก็ท้องร่วง ที่เกิดขึ้นมาจากการย่อยไม่ดี ใช้ใบแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำกิน
- แก้รอยแผลมีเหตุที่เกิดจากการหกล้มหรือกระทบกระแทกหรือรอยแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดตำพอกแผลข้างนอก
- แก้ปวดฟัน ใช้เปลือกรากผสมน้ำส้มสายชูต้มเอามาอมแก้ปวดฟัน
- แก้เด็กเป็นแผลเล็กแผลน้อยเรื้อรัง ใช้เปลือก ราก ต้มร่วมกับขนไก่ เอามาชำระล้างรอยแผล
- แก้ผิวหนังเป็นผื่นผื่นคัน ใช้เปลือกต้นสดและใบต้นเอาน้ำชำระล้างรอบๆที่เป็น
- แก้ท้องร่วง ใช้ใบหรือผลดิบ ต้มรับประทานต่างชา (ใบแห้ง 5 กรัม ใส่น้ำ 100 มิลลิลิตร)
- ใช้สวนล้างช่องคลอดข้างหลังคลอด ใช้น้ำสุกจากใบสดอุ่นๆสวนล้าง
- ใช้เพื่อการดับกลิ่นปาก ด้วยการนำใบสด 3-5 ใบมาเคี้ยวแล้วคายกากทิ้ง
- ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบโดยการใช้ผลที่ตากแห้งต้มน้ำกิน
- ยอดอ่อนๆปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ ชงน้ำกินแก้ท้องเสีย บิด ใบสดบดอมขจัดกลิ่นยาสูบ เหล้า แล้วก็กลิ่นปากเจริญ
การเรียนทางเภสัชวิทยาฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้ แก้ท้องเดิน จากการค้นคว้าวิจัยฤทธิ์ทางยาของฝรั่งพบว่าการให้ยาเม็ดแคปซูลใบฝรั่งทีละ 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน กับคนไข้ที่เป็นโรคอุจจาระร่วง 122 คน สามารถลดปริมาณครั้งของการถ่ายอุจจาระ ระยะเวลาที่ถ่ายอุจจาระ และก็จำนวนน้ำเกลือที่ให้ชดเชยได้ การให้ยาเม็ดแคปซูลฝรั่งขนาด 500 มิลลิกรัม (ที่มีสารฟลาโวนอยด์ 1 มก./แคปซูล 500 มิลลิกรัม) ทุก 8 ชั่วโมง ตรงเวลา 3 วันในคนไข้ที่มีอาการท้องเดิน ปวดท้อง จำนวน 50 คน จะสามารถลดการบีบตัวของลำไส้รวมทั้งลดช่วงเวลาเจ็บท้องได้ การให้ยาต้มของฝรั่งในคนป่วยเด็กที่เป็นโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) 62 คน ทำให้อาการดีขึ้นข้างใน 3 วัน ช่วงเวลาท้องร่วงสั้นลง และไม่พบเชื้อ Rota virus ในอุจจาระมากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
สารสกัดใบฝรั่งด้วยคลอโรฟอร์ม เฮกเซน เมทานอล รวมทั้งน้ำ สามารถลดการเคลื่อนไหว แล้วก็การยุบเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาและหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้มีการเคลื่อนไหวมากเพิ่มขึ้นด้วยอะเซทิลโคลีน สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 สามารถยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้หดตัวด้วยกระแสไฟฟ้า อะเซทิลโคลีน แล้วก็แบเรียมคลอไรด์ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถยั้งอาการท้องร่วงในหนูเม้าส์ที่ถูกโน้มน้าวให้กำเนิดอาการท้องเสียด้วยน้ำมันละหุ่ง โดยฝรั่งจะไปเพิ่มการดูดซึมน้ำในไส้และก็ลดการบีบตัวของไส้ สารสกัดด้วยน้ำของใบ
ฝรั่งสดสามารถยั้งอาการท้องเสียได้ โดยลดปริมาณครั้งของการอุจจาระในหนูซึ่งถูกเหนี่ยวนำให้เกิดอาการท้องเสียด้วยยา microlax ได้
ส่วนสกัดของสารกรุ๊ป polyphenolic, saponin และก็ alkaloid จากใบฝรั่ง สามารถยั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่เหนี่ยวนำให้หดเกร็งด้วยอะเซทิลโคลีนแล้วก็โปแตสเซียมคลอไรด์ได้ สาร quercetin แล้วก็ quercetin-3-arabinoside จากใบฝรั่ง สามารถต่อต้านการหดตัวของลำไส้เล็กที่ถูกรั้งนำด้วยอะเซทิลโคลีน ทำให้ไส้มีการเคลื่อนน้อยลง ยิ่งไปกว่านี้สาร quercetin ในใบฝรั่งยังสามารถยั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กในหนูแรทและก็หนูตะเภาซึ่งรั้งนำให้กำเนิดอาการหดเกร็งด้วยสารละลายโปตัสเซียม อะเซทิลโคลีน แบเรียมคลอไรด์ ฮีสตามีน และก็ซีโรโทนินได้ และสามารถลดความสามารถสำหรับเพื่อการซึมผ่านของๆเหลวของเส้นเลือดฝอยรอบๆท้องซึ่งมีผลช่วยรักษาอาการท้องเสีย สาร quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และก็ quercetin 3-O-gentiobioside จากใบฝรั่ง สามารถลดการหดเกร็งของลำไส้เล็กหนูเม้าส์ได้ สาร asiatic acid จากใบฝรั่งส่งผลทำให้กล้ามเนื้อของลำไส้เล็กส่วนปลายของกระต่ายคลายตัว สารสกัดผลฝรั่งดิบด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านการหลั่งอะเซทิลโคลีนในลำไส้เล็กของหนูแรทและก็หนูตะเภาได้ แต่มีฤทธิ์น้อยกว่าอะโทรไต่ โดยฝรั่งส่งผลทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ทำให้รักษาอาการท้องเสียได้ สารสกัดฝรั่ง (ไม่ระบุส่วน) สามารถลดการบีบตัวของลำไส้เล็กของหนูแรทได้
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียมีการเรียนรู้การต้านเชื้อแบคทีเรียหลายรายงาน เช่น สารสกัดเอทานอลของฝรั่ง สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Salmonella enteritidis, Shigella flexneri ได้ สารสกัดน้ำ ความเข้มข้น 10-5 มคลิตร/มิลลิลิตร ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Shigella dysenteriae ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคบิดได้ สารสกัดเปลือกต้น
ด้วย 70% เอทานอล ความเข้มข้น 250 มก./มล. ทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรคอุจจาระตกเป็นStaphylococcus aureus, Vibrio cholerae แล้วก็ V. parahaemolyticus แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ E. coli, Shigella flexneri, Salmonella typhimurium สารสกัดราก กิ่ง รวมทั้งใบฝรั่งด้วย 50% เอทิลอัลกอฮอล์ ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. dysenteriae, Sh. flexneri, S. typhimurium ที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella enteritidis สารสกัดกิ่งฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ อัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 50 มคลิตร สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae, Sh. flexneri (ซึ่งนำมาซึ่งโรคบิด) E. coli (แบคทีเรียในไส้) S. typhimurium (กระตุ้นให้เกิดโรคไข้รากสาดน้อย) แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ S. enteritidis สารสกัดทิงเจอร์ของฝรั่ง สามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย V. chlorea ที่เป็นต้นเหตุของอหิวาต์ ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้แต่สำเร็จปานกลาง น้ำมันหอมระเหยของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli, S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ความเข้มข้น 1,000 มคก./มล. สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Enterococcus faecalis ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium, S. aureus สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำ ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มล. พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย S. dysenteriae 1 (กระตุ้นให้เกิดโรคบิด) แล้วก็ V. chlorea (ทำให้เกิดอหิวาตกโรค) ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งขนาดความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 1.25, 5 มิลลิกรัม/มล. ตามลำดับ
สารสกัดผลดิบของฝรั่งด้วยเมทานอล ในขนาด 50,100, 300 มก./กิโลกรัม สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae 1, Sh. dysenteriae 2, Sh. dysenteriae 4, Sh. dysenteriae 8 และ V. chlorea 1350 ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 100-200 มคกรัม/มล. สารสกัดหยาบคายของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่แยกได้จากกุ้งว่าวจุฬาดำที่เป็นโรค 23 สายพันธุ์ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 1.25-5.00 มก./มิลลิลิตร สารสกัดใบฝรั่งด้วยอะซีโตน และก็ 95% เอทานอล สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella B, S. newport, S. typhimurium, Sh. flexneri ยิ่งไปกว่านี้สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ยังสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้อีกด้วย สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วยน้ำ สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. flexneri, S. aureus แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. newport แล้วก็ S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 10 มก./วัน แม้กระนั้นสำเร็จไม่แน่นอนต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium สารสกัดใบฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่นำไปสู่โรคอุจจาระหล่น ยกตัวอย่างเช่น Salmonella D, Sh. dysenteriae 1, Sh. flexneri 2A, Sh. flexneri 4A ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. typhimurium type 2, Shigella bodyii, Sh. bodyii 5, Sh. dysenteriae 2, Sh. flexneri 3A, Sh. sonnei ส่วนสกัดแทนนินจากใบฝรั่ง ความเข้มข้น 85, 95, 95, 100, 110 มคก./มิลลิลิตร สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri, S. enteritidis, S. aureus , Escherichia piracoli, E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ เป็นลำดับ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Salmonella spp. ได้ 2 สายพันธุ์ รวมทั้งต้านทานเชื้อ Sh. flexneri, Sh. virchow, Sh. dysenteriae แล้วก็เชื้อ E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ(1:1)รวมทั้งอะซีโตน สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระตกได้ สารสกัดลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย S. newport แล้วก็ S. typhimurium, Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. aureus น้ำคั้นจากผลฝรั่ง ไม่สามารถที่จะต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus typhosus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไทฟอยด์ได้ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยอัลกอฮอล์ และน้ำ (1:1) ความเข้มข้นมากกว่า 25 มคก./มิลลิลิตร ไม่สามารถที่จะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis, E. coli, S. typhosa
มีการทำการศึกษาเรียนรู้โดย ปัญจางค์ ธนังเราล และคณะ ในคนเจ็บ 122 คน ที่เป็นโรคอุจจาระตก เป็นชาย 64 คน และหญิง 58 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16-55 ปี ศึกษาวิจัยเทียบโดยกระบวนการสุ่มตัวอย่าง โดยนำใบฝรั่งอบแห้งแล้วบดเป็นผุยผง ใส่แคปซูล ขนาด 250 มก. ลักษณะเดียวแล้วก็ขนาดเดียวกับ tetracyclin รวมทั้งบริหารการรับประทานยาเช่นกันหมายถึง500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชม. เป็นเวลา 3 วัน ทั้งคู่กรุ๊ป พบว่าใบฝรั่งสามารถลดจำนวนอุจจาระ ช่วงเวลาที่ถ่ายอุจจาระ และปริมาณน้ำเกลือที่ให้ตอบแทนได้
มีการศึกษาเล่าเรียนในคนเจ็บเด็ก 62 คน ที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) โดยให้กินยาต้มของฝรั่ง พบว่าอาการภายใน 3 วัน แล้วก็ระยะเวลาท้องเสียสั้นลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ปริมาณโซเดียมและเดกซ์โทรสในอุจจาระต่ำลง และก็ผลของการตรวจอุจจาระไม่เจอเชื้อ Rota virus มากถึง 87.1% ในระหว่างที่กรุ๊ปควบคุมไม่เจอเชื้อ Rota virus 58.1% แสดงว่ายาต้มของฝรั่งมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาอาการท้องเดินในผู้เจ็บป่วยลำไส้อักเสบจากเชื้อ Rota virus ได้
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ จากการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วย 70 คน ที่มีเหงือกอักเสบ พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่งสามารถลดการอักเสบได้ปริมาณร้อยละ 19.8 แล้วก็ลดรอยโรคที่ความร้ายแรง ได้จำนวนร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากใบฝรั่ง หลังจากที่ได้มีการใช้เป็นเวลา 3 สัปดาห์
สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำขนาด 50-800 มก./กก. เมื่อฉีดเข้าท้องพบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบแบบทันควัน เมื่อทดลองกับอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยไข่ขาวสด นอกเหนือจากนี้เมื่อฉีดน้ำมันหอมระเหยจากใบฝรั่งเข้าทางท้องของหนูแรทในขนาด 0.8 มิลลิลิตร/กิโล พบว่าสามารถยั้งการอักเสบที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสาร carrageenan ได้
สารสกัดจากผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูแรท พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยสาร carrageenan, kaolin และ formaldehyde ได้ นอกเหนือจากนี้สารสกัดผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูเม้าส์จะสามารถยั้งการอักเสบรวมทั้งลดลักษณะการเจ็บปวดที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetic acid ได้ดีมากว่าแอสไพรินที่ให้ในขนาดเท่ากันเล็กน้อย
เมื่อนำใบฝรั่งมาหมักกับราและก็แบคทีเรียอาทิเช่น Phellinus linteus (ส่วนเส้นใย) Lactobacillus plantarum รวมทั้ง Saccharomyces cerevisiae แล้วเอามาสกัดด้วยเอทานอล พบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบโดยยับยั้งการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบเป็น ไนตริกออกไซด์รวมทั้ง พรอสต้าแกรนดิน อี 2 ในหลอดทดสอบ ยิ่งไปกว่านี้สารสกัดฝรั่งด้วยเอทานอลแล้วก็น้ำยังออกฤทธิ์ยับยั้งการผลิตไนตริกออกไซด์
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทิลอะซีเตตมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ รวมทั้งแก้แพ้โดยยั้งการตอบสนองต่อแอนติเจนที่ชักนำให้เกิดการแพ้และก็การอักเสบ
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูแรทที่ถูกชักพาให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด alloxan เข้าเส้นเลือดดำโดยสารสกัดใบฝรั่งออกฤทธิ์ใน 2 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดในชั่วโมงที่ 6 และก็สิ้นฤทธิ์ใน 24 ชั่วโมง
ฤทธิ์ต้านทานเซลล์ของโรคมะเร็ง สารสกัดใบฝรั่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง murine fibrosarcoma แล้วก็เซลล์ของมะเร็งเต้านม
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบการเรียนรู้ทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ พิษทันควัน สารสกัดด้วยน้ำจากใบ LD50 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 20 ก./กิโลกรัม เมื่อให้ทางปากในหนูถีบจักรทั้ง 2 เพศ รวมทั้งมีค่ามากกว่า 5 ก./กก. เมื่อฉีดเข้าทางท้อง สารสกัดเอทานอล (50%) จากส่วนเหนือดิน LD50 มีค่าพอๆกับ 0.188 เมื่อฉีดเข้าช่องท้องในหนูถีบจักร พิษเรื้อรัง การให้สารสกัดน้ำจากใบทางปาก ขนาด 0.2, 2 และก็ 20 ก./กก. ทุกๆวันต่อเนื่องกันตรงเวลา 6 เดือน พบว่าอัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวลดลง ในกลุ่มที่ได้รับสารสกัด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำ ในเวลาที่ไม่พบความไม่เหมือนของจำนวนอาหารที่กินในทุกกลุ่ม พฤติกรรมทั่วๆไปธรรมดาในทุกกรุ๊ป หนูเพศผู้หรูหรา ALP, SGPT (การทำงานของตับ), BUN (แนวทางการทำงานของไต) แล้วก็ WBC สูงมากขึ้น ช่วงเวลาที่ระดับของโซเดียมและคลอเลสเตอรอลในเลือดลดน้อยลง น้ำหนักของตับรวมทั้งไตมากขึ้น การตรวจทางจุลทัศนกายวิภาค พบการเปลี่ยนแปลงของไขมันรวมท