สนับสนุนเว็บ

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - teareborn

หน้า: 1 2 3 ... 30
1
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมุนไพรแมงกะแซง
แมงกะแซง Ociumum americanum L.
บางถิ่นเรียก แมงกะแซง (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
ไม้ล้มลุก -> สูง 30-100 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขา มีกลิ่นหอมแรงเหมือนการบูร ลำต้นแล้วก็กิ่งมีสันตามยา ปกคลุมด้วยขนสั้นๆหรือขนเกลี้ยง
ใบ -แมงกะแซง> โดดเดี่ยว ออกตรงกันข้าม รูปใบหอกถึงรูปรี กว้าง 0.9-2.5 ซม. ยาว 2.5-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ หรือหยักมนห่างๆผิวใบมีต่อมเป็นจุดๆทั้งยังด้านบนรวมทั้งข้างล่าง ไม่มีขน ก้านใบยาว 1-2.5 ซม.
ดอก -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมงกะแซง
> ออกเป็นช่อแบบกระจะที่ยอดและก็ที่ปลายกิ่ง เป็นช่อคนเดียวหรือแตกแขนง ยาว 7-15 เซนติเมตร ริ้วประดับประดารูปใบหอกแกมรี ยาว 2-3(-5) มม. ปลายแหลม มีขน ก้านดอกสั้น กลีบเลี้ยงสีเขียว เชื่อมกันเป็นหลอดรูประฆัง ยาว 2-2.5 มิลลิเมตร (เมื่อได้ผลยาว 3-4.5 มิลลิเมตร) ปลายหลอดแยกเป็นปาก ปากบนแบนกว้างรวมทั้งใหญ่ (เมื่อได้ผลจะโค้งกลับ) ขอบมีขน ปากด้านล่างมีแฉกแหลม 4 แฉก รูปลิ่มกลับปนรูปใบหอก มีต่อมเป็นตุ่มกลมมีก้านยกพบทั้งยังด้านในและภายนอก ด้านในปกคลุมด้วยขนยาวแล้วก็นุ่ม ด้านนอกมีขนสีขาว กลีบสีขาวเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาว 4-6 มิลลิเมตร สะอาด หรือมีขนสั้นๆปลายหลอดแยกเป็นปาก ปากบนตัด มีหยัก 4 หยัก ขนาดเกือบเสมอกัน ปากข้างล่างยาว ขอบเรียบโค้งลง เกสรเพศผู้ 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ ก้านเกสรเล็ก ยาวพ้นปากหลอด เกสรคู่บนมีติ่งใกล้โคนก้านเกสร เกสรเพศเมียมี 1 อัน ก้านเกสรสีชมพู
ผล -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมงกะแซง
[/url]
> ขนาดเล็ก รูปรีแคบ ยาว 1.2 มม. สีดำ มีจุดใสๆเมื่อนำไปแช่น้ำจะมีวุ้นห่อรอบเม็ด
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นิเวศน์วิทยา
ขึ้นจากที่รกร้าง พบที่ จ.ประจวบฯ
สรรพคุณ
ทั้งยังต้น -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมงกะแซง
> ราษฎรนำมาใช้เพื่อไล่ยุงรวมทั้งแมลง

2
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมุนไพรสะระแหน่ญี่ปุ่น
สะระแหน่ญี่ปุ่น Mentha arvensis L. var. piperascens Malinv.
บางถิ่นเรียกว่า สะระแหน่ญี่ปุ่น ต้นน้ำมันหม่อง มินต์ญี่ปุ่น (กรุงเทพฯ)
ไม้ล้มลุก -> อายุหลายปี ต้นสูง 20-40 ซม. มีขนประปราย
ใบ -สะระแหน่ญี่ปุ่น> เดี่ยว ออกตรงข้ามรูปไข่ รูปไข่ค่อนข้างแคบ หรือ รูปขอบขนาน กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 2-5 ซม. ปลายโคนสอบ ขอบจักเป็นฟันเลื่อย มีต่อมเป็นจุด ๆ และมีขนทั้งด้านบนและด้านล่าง ก้านใบยาว 3-10 มม.
ดอก -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สะระแหน่ญี่ปุ่น
> ออกเป็นช่อกระจุกตามง่ามใบ ก้านช่อดอกสั้น ก้านดอกย่อยสั้นกว่ากลีบเลี้ยง เกลี้ยง หรือมีขนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูประฆัง ยาว 2.5-3 มม. ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก มักจะมีขนยาวที่คอหลอด ที่แฉกมีขนรูปสามเหลี่ยมแคบ ๆ ปลายเรียวแหลม กลีบดอกสีขาว หรือชมพูอ่อน เชื่อมติดกันเป็นหลอดรูประฆัง ยาว 4-5 มม. ปลายหลอดแยกเป็น 4 แฉกเท่า ๆ กัน เกสรเพศผู้มี 4 อัน ก้านเกสรตรง ยาวเท่า ๆ กัน อับเรณูเป็น 2 พู เรียงขนานกัน
ผล -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สะระแหน่ญี่ปุ่น
[/url]
> ขนาดเล็ก รูปรีแบนเล็กน้อย ยาว 0.7 มม. ฐานสอบป้าน ๆ และเป็นสามเหลี่ยม
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นิเวศน์วิทยา
สามารถปลูกได้ในแทบทุกภาคของประเทศ ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ชอบน้ำมากแต่ไม่แฉะ ชอบแสงมาก อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 25º-30º­ C
ํสรรพคุณ
ใบ -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สะระแหน่ญี่ปุ่น
> กินได้ใช้แต่งรสอาหาร เช่น ใส่ยำต่าง ๆ ใบแห้งเป็นยาฆ่าเชื้อโรคพอกแก้ปวดข้อ กินเป็นยาเย็น ขับลม บำรุงธาตุ ขับระดู ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ และบำรุงปลายประสาท สกัดให้น้ำมันมินต์มี menthol 80-90%
ทั้งต้น -> ขยี้ทาขมับ แก้ปวดศีรษะ ดมแก้ลม ทาแก้ฟกบวม กินแก้ปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ

Tags : สะระแหน่ญี่ปุ่น

3
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมุนไพรหมีเหม็น
หมีเหม็น Litsea glutinosa C.B. Rob.
บางถิ่นเรียกว่า หมีเหม็น มะเย้อ ยุบเหยา (เหนือ, ชลบุรี) กำปรนบาย (ซอง-เมืองจันท์) ดอกจุ๋ม (ลำปาง) ตังสีพนา (พิษณุโลก) ทังบวน (ปัตตานี) มือเบาะ (มลายู-ยะลา) ม้น (ตรัง) หมี (จังหวัดอุดรธานี, จังหวัดลำปาง) หมูทะลวง (เมืองจันท์) หมูเหม็น (แพร่) เสปี่ยขู้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) หมีเหม็น (กาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี)
ไม้พุ่ม -> สูง 2-5 ม. กิ่งมีสีเทา
ใบ -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
หมีเหม็น
> ลำพัง ออกเรียงสลับ ชอบออกเป็นกลุ่มหนาแน่นที่ปลายกิ่ง ใบรูปรี หรือรูปไข่กลับ หรือค่อนข้างจะกลม กว้าง 4-10 เซนติเมตร ยาว 7-20 ซม. ปลายใบเรียวแหลม หรือ กลม โคนใบสอบเป็นครีบหรือกลม ขอบใบเรียบ หรือเป็นคลื่นบางส่วน ด้านบนหมดจดวาว ข้างล่างมีขน เส้นใบมี 8-13 คู่ ด้านล่างเห็นชัดกว่าข้างบน ก้านใบยาว 1-2.5 เซนติเมตร มีขน
ดอก -> ออกตามง่ามใบเป็นช่อ แบบซี่ร่ม ก้านช่อยาว 2-6 เซนติเมตร มีขน ใบแต่งแต้มมี 4 ใบ มีขน ก้านดอกย่อยยาว 5-6 มิลลิเมตร มีขน ดอกเพศผู้ ช่อหนึ่งมีราว 8-10 ดอก กลีบรวมลดรูปจนกระทั่งเหลือ 1-2 กลม ไหมเหลือเลย กลีบรูปขอบขนาน ขอบกลีบมีขน เกสรเพศผู้มี 9-20 อัน เรียงเป็นชั้นๆก้านเกสรมีขน ชั้นในมีต่อมกลมๆที่โคนก้าน ต่อมมีก้าน อับเรณูรูปรี มี 4 ช่อง เกสรเพศเมียเป็นหมันอยู่ตรงกลาง ดอกเพศภรรยา กลีบรวมลดรูปจนไม่มี หรือเหลือเพียงแค่คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
หมีเหม็น
[/url]
น้อย เกสรเพศผู้เป็นหมันเป็นรูปช้อน เกสรเพศเมียไม่มีขน รังไข่รูปไข่ ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1-2 มม. ปลายเกสรเพศเมียรูปจาน ผล กลม เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีดำ ผิวเป็นเงา ก้านผลมีขน
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นิเวศน์วิทยา
ขึ้นในป่าเบญจพรรณชื้น และก็ป่าดงดิบทั่วๆไป
สรรพคุณ
ราก -> เป็นยาฝาดสมาน รวมทั้งยาบำรุง
ต้น -คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
หมีเหม็น
> ยางเป็นยาฝาดสมานแก้บิด ท้องร่วง กระตุ้นความยินดีในกาม ทาแก้พิษแมลงกัดต่อย แก้ปวด บดเป็นผุยผงผสมกับน้ำหรือน้ำนม ทาแก้แผลอักเสบ แล้วก็เป็นยาห้ามเลือด ใบ มีเยื่อเมือกมาก ใช้เป็นยาฝาดสมาน แล้วก็แก้อาการเคืองของผิวหนัง หมีเหม็นตำเป็นยาพอกบาดแผลนิดๆหน่อยๆ
ผล -> กินได้และก็ให้น้ำมัน เป็นยาถูนวดแก้ปวด rheumatism
เมล็ด -> ตำเป็นยาพอกฝี

Tags : หมีเหม็น

4
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมุนไพรเชียด
เชียด Cinnamomum iners Blume
บางถิ่นเรียกว่า เชียด มหาปราบตัวผู้ อบเชย อบเชยต้น (ภาคกลาง) กระแจะโมง กะเชียด กะทังนั้น (จังหวัดยะลา) กะดังงา (จังหวัดกาญจนบุรี) กะพังหัน โกเล่ เนอม้า (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) เขียด เคียด เฉียด ชะนุต้น (ภาคใต้) ดิ๊กซี่สอ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่) บอกคอก (ลำปาง) ฝักดาบ (พิษณุโลก) พญาปราบ (จังหวัดนครราชสีมา) สะวง (จังหวัดปราจีนบุรี)
ไม้ต้น ขนาดกึ่งกลางถึงขั้นใหญ่ สูง 15-20 มัธยม ทรงพุ่มไม้กลม หรือ รูปเจดีย์ต่ำๆทึบ เปลือกสีน้ำตาลอมเทา ค่อนข้างเรียบ เกลี้ยง เปลือกและใบมีกลิ่นหอมยวนใจอบเชย (cinnamon)
ใบคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เชียด
[/b]
คนเดียว ออกตรงกันข้าม หรือเยื้องกันเล็กน้อย รูปขอบขนาน กว้าง 2.5-7.5 เซนติเมตร ยาว 7.5-2.5 เซนติเมตร เนื้อใบ ดก เกลี้ยง และก็กรอ มีเส้นใบออกจากโคนใบ 3 เส้นยาวตลอดจนถึงปลายใบ ข้างล่างเป็นคราบเปื้อนขาวๆก้านใบยาว 0.5 เซนติเมตร
ดอก มีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน หรือเขียวอ่อน ออกเป็นช่อแบบกระจายที่ปลายกิ่ง ยาว 10-25 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นเหม็น ผล มีขนาดเล็ก รูปขอบขนาน ยาวราวๆ 1 ซม. แข็ง ตามผิวมีคราบขาวๆแต่ละผลมีเม็ดเดียว ฐานรองรับผลเป็นรูปถ้วย
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นิเวศน์วิทยา
ขึ้นกระจายทั่วไปในป่าดิบ
คุณประโยชน์
รากคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เชียด
[/url]
พบ essential oil ที่ประกอบด้วย eugenol safrol, benzaldehyde และก็ terpene
ต้นคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เชียด
เปลือกต้น เจอ essential oil โดยประมาณ 0.5% ประกอบด้วย eugenol, terpene และก็ cinnamic aldehyde

5
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมุนไพรลิ้นงูเห่า
ชื่อพื้นบ้านอื่น คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ลิ้นงูเห่า
(จันทบุรี)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus siamensis Bremek.
ชื่อตระกูล ACANTHACEAE
ชื่อสามัญ Lin gnu hao.
ลักษณะทั่วไปทางพฤกษศาสตร์
ไม้เถาล้มลุก (HC) -> ลักษณะพุ่มไม้เลื้อย คล้ายต้นเสลดพังพอนตัวเมีย ลำต้นกลมสีเขียวเรียวยาว
ใบ  คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ลิ้นงูเห่า
-> เป็นใบคนเดียว ลักษณะใบรูปหอกหรือรูปหอกปนขอบขนาน กว้าง 2-4 ซม. ยาว 6-12 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแหลม ขอบของใบเรียบ ก้านใบเล็กกลม แผ่นใบมีสีเขียวเข้ม ใบดกรวมทั้งหนาทึบ
ดอก -> ออกดอกเป็นช่อกระจุก สีแดงผสมส้ม แต่ละข่อประกอบด้วยดอกย่อยอัดแน่น 10-15 ดอก ลักษณะก็จะคล้ายดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย กลีบเลี้ยงสีเขียวเป็นรูประฆังตื้นๆโคนดอกชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็นกลีบดอก 2 กลีบมีเกสรตัวผู้เป็นสีเหลืองแทงพ้นกลีบดอก
ผล ลิ้นงูเห่า-> เมื่อแห้งแตกได้ ข้างในมีเม็ด
นิเวศวิทยา
กำเนิดตามที่รกร้างว่างเปล่าธรรมดา นิยมปลูกตามสถานที่ต่างๆทั้งสวนสาธารณะ วัด และก็อาคารบ้านเรือน เพื่อเป็นไม้ประดับและใช้ประโยชน์ทางยา
การปลูกแล้วก็ขยายพันธุ์
เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแดดแรง น้ำไม่ขัง เจริญวัยได้ในดินร่วนซุย นิยมปลูกเป็นแปลงหรือเป็นแนว ขยายพันธ์ฺด้วยการเพาะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง
ส่วนที่ใช้ รส แล้วก็สรรพคุณ
ราก -> รสจืดเย็น โขลกพอกดับพิษแมลงกัดต่อย
ใบ คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ลิ้นงูเห่า
-> รสจืดเย็น โขลกหรือขยี้ทาแก้พิษร้อน โรคผิวหนัง พิษอักเสบและก็ปวดฝี รักษาแผลไฟลุก น้ำร้อนลวก ลดอาการอักเสบ
การใช้และก็จำนวนที่ใช้

  • เป็นยารักษาโรคผิวหนัง โดยใช้ใบสด 10-20 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาตำอย่างถี่ถ้วน ใช้ทาแล้วก็พอกบริเวณที่เป็น วันละ 2-3 ครั้ง เป็นประจำ จนกระทั่งจะหาย
  • ลดลักษณะของการปวดแสบปวดร้อนของตุ่มแผลงูสวัด โดยใช้ใบสด 10-20 ใบ ล้างให้สะอาดเอามาโขลกอย่างถี่ถ้วนผสมเหล้าโรงนิดหน่อย เอามาทาและก็พอกบริเวณที่มีลักษณะ รุ่งเช้า-เย็น เสมอๆ
ข้อควรจะรู้
สีจากน้ำคั้นจะติดอยู่นาน ลิ้นงูเห่าจำเป็นต้องระวังการเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าแล้วก็ร่างกายส่วนอื่นๆ

Tags : ลิ้นงูเห่า

6
ตลาด ซื้อ-ขาย / แมลงสาบ
« เมื่อ: 10/เม.ย./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

แมลงสาบ
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมลงสาบ
เป็นแมลงที่มนูษย์รู้จักกันดีมาตั้งแต่โบราณ

“แมลงสาบ” และ “แมลงแกลบ” เป็นชื่อทั่งๆไปที่คนไทยทางภาคกึ่งกลางใช้เรียกในสกุล Blattidae หลายชนิด ทางภาคเหนือเรียก แมลงแสบ หรือแซบ ภาคอีสานเรียก แมงกะจั๊ว กะจั๊ว หรือ กาจั๊ว ส่วนภาคใต้เรียกแมลงแกลบว่า แมงติดหรือ แมงแป้ แมลงในสกุลนี้เจอทั่วทั้งโลกมีราว ๒๕๐ สกุล ราว ๕,๐๐๐ ประเภท
แมลงสาบประเภทสำคัญ
ชนิดหลักๆที่เจอแพร่หลายไปทั้งโลกมี ๕ ประเภท ดังเช่นว่า
๑.เยอรมัน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Blattellagermanica(Linnaeus) มีชื่อสามัญว่า German cockroach หรือ water bug หรือ croton bug ชาวไทยเรามักเรียกแมลงแกลบบ้าน เป็นประเภทที่รู้จักกันเหมาะสมที่สุดและก็แพร่หลายอย่างมากมายพยได้มากที่สุด เป็นขนาดเล็ก ลำตัวยาว ๑.๒-๑.๖ ซม. สีน้ตาลเหลืองชีด มีแถบสีน้ำตาลเข้มตามแนวยาว ๒ แถบ ทั้งสองเพศมีปีก ตัวเมียพบได้มากถุงไข่ที่ปลายของส่วนท้อง ออกหากินตอนเวลากลางคือน เจอในบ้านเรือน ในที่มีอาหาร เป็นต้นว่า ที่เปียกชื้นและอุ่น กินของที่ตายแล้ว
๒.ชีบโลกตะวันออกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Blattellaorientalis(Linnaeus) มีชื่อสามัญว่า oriental cockroach หรือ black beetle คนประเทศไทยเรียก มีขนาดกึ่งกลาง ลำตัวยาวรวม ๒.๕ ซม. ตัวเมียนั้นปีกไม่รุ่งโรจน์ แต่ตัวผู้มีปีกยาว แต่ปีกมันยาวไม่พ้นส่วนท้อง เข้ามาในหมู่บ้านทางท่ออาหารท่อระบายน้ำ มักอยู่ตามดินที่ชื้นแฉะ เป็นที่ทำให้มีกลิ่นเหม็น กินอาหารทุกหมวดหมู่ พบได้ทั่วไปตามกองขยะหรือของเน่าเสียต่างๆ ถูกใจกินของที่มีแป้งอยู่ด้วย
๓.อเมริกา มีชื่อวิทยาศาสตร์ Periplanetaamericana(Linnaeus)มีชื่อสามัญว่า American cockroach คนไทย มีขนาดใหญ่ที่สุด ลำตัวยาว ๓-๔ เซนติเมตร สีน้ำตาลปนแดง มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง แต่ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งยัง ๒ เพศมีปีกยาวคลุมถึงท้อง เป็นแมลงที่รวดเร็ว ถูกใจที่อุ่น ที่เปียกแฉะ ชอบอยู่ในที่มืด ออกหากินตรงกลางเป็น รับประทานของที่ตายแล้วและเศษอาหารทุกอย่าง
๔.คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมลงสาบ
ประเทศออสเตรเลีย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Periplanetaaustralasiae(Fabeius) มีชื่อสามัญว่าAustralian cockroach คนประเทศไทยเรียก จำพวกนี้มีสีน้ำตาลแดง เหมือนอเมริกัน ทั้งยัง ๒ เพศมีปีกยาว ชอบอาศัยอยู่นอกอาคาร รับประทานอาหารทุกอย่าง ส่วนใหญ่กินซากพืชที่ตายแล้ว
๕.แทลงสาบเมืองร้อน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Supellasupellectilium(Serville) มีชื่อสามัญว่าtropical cockroachหรือ brown-banded cockroach ชาวไทยมักเรียกลาย ประเภทนี้มีลัษณะคล้ายตามเยอรมัน แต่ว่ามีขนาดเล็กกว่า ลำตัวยาว ๑-๑.๒ มม. มีแถบสีเหลืองตามทางขวาง ๒ แถบ แถบแรกอยู่โคนปีก อีกแถบอยู่ปีก ส่วนใหญ่ปีกมักไม่ปิดปลายส่วนท้อง พบทั่วไป หากินยามค่ำคืนชอบบิน ชอบอยู่ในที่แห้งและร้อน ถูกใจอยู่ที่สูง ยกตัวอย่างเช่นในตู้เสื้อผ้ส ทานอาหารทุกประเภทโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเสียรวมทั้งของที่ตายแล้ว
๖.แมลงสาบสุรินัม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pycnocellissurinamensis(Linnaeus)มีชื่อสามัญว่าSurinamcockroach คนไทยมักเรียก หรือแกลบขี้เลื่อย เพราะพบตามกองขี้เลื่อย มีขนาดลำตัวยาวราว ๑.๕ ซม. ส่วนท้องกว้างที่สุด ๑ ซม. ท่อนหัวและอกข้อแรกสีดำ ขอบด้านหน้ารวมทั้งด้านข้างเกือบตลอกมีสีเหลืองแก่ ปีกสีน้ำตาล ขาสีน้ำตาลอ่อน ยกเว้นขาหลังสีน้ำตาลเข้มตัวเมียปีกสั้นกว่าลำตัว เมื่อหุบปีกจีงมองเห็นปลายท้องโผล่ออกมา อาศัยอยู่นอกบ้านตามกองขี้เลื่อย กองแกลบ รวมทั้งกองขยะที่เน่า นิยมจับมาเกี่ยวเบ็ดเป็นเหยื่อสำหรับตกปลา
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ผลดีทางยา
หมอแผนไทยใช้ “ขี้คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมลงสาบ
” เข้ามาเป็นเครื่องยาในยาไทยหลายขนาน ขี้ที่ใช้นั้นเป็นขี้ที่อาศัยอยู่ตามบ้านที่พัก เอามารวมกัน ก่อนใช้จำเป็นต้อง “ฆ่า” ซะก่อนกระบวนการทำก็คือ ให้นำไปคั่วให้ไหม้เกรียมก่อนนำมาใช้ หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ขี้วมีรสจืดชืด แก้อักเสบฟกบวม แก้พิษร้อน แก้กาฬโรค ในพระตำรามุจาปักขันทกาให้ยาแก้นิ่วขนานหนึ่งเข้า “มูล เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ถ้าเกิดจะแก้ท่านให้เอาพริกไทย ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ กระเทียม ๑ ผิวมะกรูด ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ทองคำถันแดง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ เอาสิ่ง ๑ บาท บอแร็กสเหม็นตุเท่ายาทั้งหลาย บดทำแท่งไว้ ก็เลยเอาสารส้มยัดเข้าในผลแตงกวา หมกไฟแกลบห็สุกบีบเอาน้ำฝนยานี้กิน ในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่งชิอ “ยามหาไชยมงคล” ใช้แก้หอบ แก้ไข้ ยาขนานนี้เข้า “” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ยาเชี่อมหาไชยมงคลแก้หอบ ท่านให้เอา กฤษณา ๑ จันทน์ชะมด ๑ เปลือกสันพร้านางแอ ๑ ต้นหญ้าพันงูแดง ๑ กำมะถันแดง ๑ มูล ๑ ผลผักชี ๑ นอแรด ๑ งา ๑ เขากวาง ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่ง ละลายน้ำมะนาวรับประทานหอบทราง ถ้าจะแก้ไข้เหนือละลายน้ำใบทับทิมต้ม

7
ตลาด ซื้อ-ขาย / แมงมุม
« เมื่อ: 06/เม.ย./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

แมงมุม
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์ประเภทแมงหลายอย่าง
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์ชนิดแมงหลายแบบในสกุล ทุกชนิดจัดอยู่ในอันดับ Araneae มีชื่อสามัญว่า spider กินสัตว์เป็นของกิน มีขนาดต่างๆนาๆตามแต่ประเภท พวกที่ทีขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียงแค่ ๐.๗ เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ เซนติเมตร พวกที่พบตามอาคารบ้านเรือนแล้วก็ก่อความเปรอะเปื้อนรกรุงรังมักเป็นที่อยู่สกุล Pholcus หลายแบบ (วงศ์ pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” มีความหมายแตกต่าง รวมทั้งมักเรียกงวยงงกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายประเภท ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มกำลังแล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ ท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่งส่วนใด กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่ง มีขา ๘ หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ตัวอย่างเช่น แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตสุดกำลังแล้ว ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างชัดเจน คือ ส่วนหัว ส่วนอก แล้วก็ส่วนท้อง มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแค่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่ ไหมมีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากประเภทที่สุดในโลก ได้แก่ แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
[url=https://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/16960501/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1]แมงมุม
[/i][/url]
มีลำตัวแบ่งได้เป็น ๒ ส่วน ส่วนหัวกับส่วนอกติดกันเป็นส่วนเดียวปกคลุมด้วยแผ่นแข็งทั้งยังด้านหลังและก็ข้างล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางประเภทอาจมีได้ถึง ๘ ตา อยู่ใกล้ๆกัน (ละเว้นบางชนิดที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นที่อาศัยอยู่ในที่มืด อย่างเช่นในถ้ำ) ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่ มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมคีบใช้หนีบ จับ หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้ มีปล้องฐานข้อเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก ยิ่งไปกว่านั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่รูปทรงเหมือนขา แต่สั้นกว่ารวมทั้งมักแบนกว่า (มักเจริญก้าวหน้าดีและเห็นได้ชัดในเพศผู้ที่ยังไม่โตสุดกำลังแล้วก็ในตัวเมีย) ไม่มีหนวด มีขา ๔ คู่ ที่ขามักมีองค์ประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ เป็นต้นว่า มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องอาจกลมหรือยาวสุดแต่ประเภทของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปล่อยใยได้ รอบๆด้านล่างของส่วนท้องข้อที่ ๒ รวมทั้ง ๓ มีอวัยวะปฏิบัติหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ข้างในมีแผ่นบางๆเรียงซ้อนกันคล้ายกระดาษหนังสือ โดยมากที่ชาวไทยมองเห็นนั้น มักเป็นชนิดถักใยขัดขวางผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยแล้วก็ดิ้นรน แรงสั่นสะเทือนจะไปถึงตัวเจ้าของรังซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามทิศทางของแรงสั่นสะเทือนนั้นเข้าหาเหยื่อ กัดเหยื่อ แล้วก็ปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ ก่อนที่จะกินเป็นอาหาร
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมากมาย จัดอยู่ในหลายสกุล แต่ว่าทุกวงศ์จัดอยู่ในอันดับเดียวกัน เป็น Araneae จำพวกที่พบในประเทศไทยนั้น โดยมากไม่มีพิษร้ายแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บหรือตายได้ เป็นต้นว่า
๑.แมงใย หรือ ตัว เป็นที่พบตามบ้านเรือนรวมทั้งถักใยจนถึงดูสกปรกและก็รก มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล Pholcus หลายชนิด (ตระกูล Pholcidae ) เหล่านี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ หลังท้องสีมักเข้ม บางประเภทมีลาย ส่วนมากมีลำตัวยาว ๔-๕ มม. ขายาวกว่าลำตัวมากมาย คือยาวราว ๕-๖ ซม. ทำให้มองเก้งก้างและเปราะบาง ก็เลยมีชื่อสามัญว่า daddy long-leg spider คนประเทศไทยบางถิ่น เรียก เถ้า เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รุงรังรวมทั้งมีฝุ่นละอองหรือขี้เถ้ามาติด ที่เหล่านี้ถักทอไว้ในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีขี้เขม่าไฟหรือขี้เถ้าติดอยู่ร่วมกัน หมอโบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก ต้นหญ้ายองไฟ
๒. แมงมุมทำหลาว เป็น พวกที่ถักใยนอกบ้าน พบได้ทั่วไปตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่นา เป็นที่จัดอยู่ในสกุล Tetragnatha หลายชนิด (วงศ์ Tetragnathidae ) ซึ่งชาวบ้านเรียก ทำหลาว เพราะว่าเมื่อตกอกตกใจ เหล่านี้จะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังใบไม้ ยื่นขา ๒ คู่แรกไปข้างหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปด้านหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว ดูคล้ายผู้ที่ตระเตรียมพุ่งแหลนลง น้ำ พวกนี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นของกิน จัดเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกร
๓. แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์ Heteropodae venatoria (Linnaeus ) จัดอยู่ในสกุล Sparassidae มีชื่อสามัญว่า banana spider ( เพราะพบได้บ่อยก๋านี้ในโกดังเก็บกล้วย ) เป็นขาดกลาง เพศผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒ ซม. ตัวเมียมีลำตัวยาว ๒.๕-๓ ซม. ขายาว ๕-๖ ซม. หัว อก ขา แล้วก็ท้องสีน้ำตาล ตาสีคล้ำ ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำครึ้มพิงตามแนวขวางข้างหน้า รวมทั้งแถบเป็นง่ามเหมือนรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พิงมาถึงกลาง อาจเจอจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายข้างๆ ข้างละ ๔-๕ จุด มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้ารวมทั้งขา ทำให้มองน่าขนลุก ชนิดนี้ไม่ถักใย ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง เจออาศัยอยู่ตามบ้านเมืองหรือตามโกดังเก็บของ เป็นที่มีคุณประโยชน์ เนื่องจากถูกใจรับประทานแมลงสาบ
๔. แมงมุมมดแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myrmarachne formicaria Linnaeus จัดอยู่ในตระกูล Salticidae เป็นประเภทที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น พบได้มากแล้วก็มีชุกตามจังหวัดชายหาด ตัวอย่างเช่น จังหวัดชลบุรีหรือจังหวัดระยอง มีรูปร่าง ขนาด แล้วก็สีสันใกล้เคียงกับมดแดง รวมทั้งถูกใจอาศัยปนเปอยู่กับมดแดง แต่ว่าไม่เหมือนกันตรงที่เมื่อพวกนี้กระโจน จะถักใยทิ้งตัวเพื่อโยกย้ายได้ เมื่อพิจารณาอย่างพิถีพิถันขมักเขม้น จะพบว่าจำนวนขาแล้วก็ลักษณะอื่นๆแตกต่างจากมดแดง
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

คุณประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”แล้วก็ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้
๑.หญ้ายองไฟ หมอแผนไทยรู้จักใช้แมงมุม{หยากไย่|ใยเหนือเตาไฟในห้องครัวของบ้านไทยในชนบทสมัยก่อน (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน) ที่มีเขม่า เถ้า และฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ แพทย์โบราณเรียก หญ้ายองไฟ บางตำราเรียนเรียกเป็น ไฟ หรือ หยากไย่ไฟ ก็มี ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ต้นหญ้ายองไฟมีรสเค็ม ขื่น มีคุณประโยชน์แก้โลหิต ฟอกโลหิต กระจายโลหิตอันเป็นลิ่มเป็นก้อน ขับโลหิตรอบเดือน
แบบเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “ต้นหญ้ายองไฟ” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา ๒ ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันกำเนิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ในพระคู่มือไกษย ดังนี้ ขนานหนึ่งเล่า ถ้าหากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง ให้เอา พริกเทศ ๑๐๘ เม็ด พริกล่อน ๑๐๘ เม็ด ผักกระชับเอาทั้งยังต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้าไซย้อย ๑ ต้นหญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้ายองไฟ ๑ บาท ไพลแห้ง ๑ บาท ตำเปนผง ละลายน้ำเหล้า น้ำส้มซ่า น้ำขิง น้ำมะนาว น้ำกระเทียมก็ได้ ยักน้ำกระสายให้ถูกใจโรคนั้นเหอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตของสตรีซึ่งมีบันทึกเอาไว้ใน พระตำรามหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอา หัศคุณเทศ ๑ แก่นแสมสมุทร ๑ หญ้ายองไฟ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ บดละลายเหล้ากิน ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาบางขนาน เจ้าของตำรับบางทีอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปริศนาให้แปลความกันเอาเอง ดังเช่น ยาแก้บิดขนานหนึ่ง ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน รับประทานตีนท่า อยู่หลังคา ขี้ค้างรู คู่อ้ายบ้า” ซึ่งก็คือ “รากเจตมูลไฟ ๑ ผักเป็ด ๑ ต้นหญ้ายองไฟ ๑ ขี้ยาฝิ่น ๑ สุราเป็นน้ำกระสาย”
๒. คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
แมงมุม
ตายซาก แพทย์แผนไทยใช้ที่ตายแล้วซากแห้งสนิท ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน เป็นต้นว่า “ยานากพด” ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ในพระตำราปฐมจินดาร์ ดังต่อไปนี้ ยาชื่อนากพด ท่านให้เอา ใบหนาด ๑ พริกไทย ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ ขิง ๑ รังหมาร่าเผา ๑ แมงมุมตายซาก ๑ ลำพัน ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ แก้ทรางทั้งมวล แก้ละอองพระบาท แก้ตะพั้น ทั้งยังกินทั้งชะโลมดีนัก

8
ตลาด ซื้อ-ขาย / เต่าเดือย
« เมื่อ: 29/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ตระกูลเต่าบก
เต่าเดือย
manouria impressa(Gunther), ๓๐ ซม.
เต่าขนาดกลาง มีเดือยแหลมที่โคนขาหลังข้างละ ๑ อัน กระดองหลังสีเหลืองผสมสีน้ำตาล มีลายดำ พบตามเทือกเขาสูงจากระดับ ๖๐๐ เมตรขึ้นไป ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือและก็ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เต่าเหลือง
Indotestudo elongata(Blyth), ๓๖ ซม.
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เต่า
ขนาดกึ่งกลาง กระดองยาวนูนสูง สีเหลือง มีลายดำ ไม่มีเดือยเหมือนเต่าบกจำพวกอื่น อยู่ในที่แห้งได้ พบตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง รวมทั้งป่าดิบแล้งทั่วราชอาณาจักร
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

เต่าหก
Manouria emys(Schlegel & Muller), ๕๐ ซม.
เต่าบกที่ใหญ่ที่สุดของไทย เมื่อโตเต็มที่กระดองยาวได้ถึง ๖๐ ซม. ต้นขาข้างหลังอีกทั้ง ๒ ข้างมีเดือยหลายเดือย กระดองสีน้ำตาลเข้มหรือดำ เจอในป่าดิบที่สูงทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้มี ๒ จำพวกย่อย เป็น เต่าหกเหลือง manouria emys emys (Schlegel & Muller) และก็เต่าหกดำ manouria emys phayrei(Blyth)
คุณประโยชน์ทางยา
เต่าที่แพทย์แผนไทยประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ทางยาเป็นเต่าน้ำจืดและเต่าบก แต่ว่าที่ใช้กันมากคือคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
เต่า
นา Malayemys subtrijuga(Gray) อันเป็นเต่าน้ำจืดที่หาได้ง่ายกว่าเต่าจำพวกอื่นๆและก็มีชื่อเสียงกันดีทั่วไป
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
วงศ์เต่าบก


Tags : วงศ์เต่าบก

9
ตลาด ซื้อ-ขาย / นกกระจอก
« เมื่อ: 27/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นกกระจอก
นกกระจอก หรือนกกระจอกบ้าน ภาคใต้เรียก นกจอก
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Passer montanas (Linnaeus)
มีชื่อสามัญว่า tree sparrow หรือ European sparrow ที่เจอในประเทศไทยเป็นชนิดย่อย Passer montanus malaccensis A. Dubois
ชีววิทยาของนกกระจอก
นกจำพวกนี้เป็นนกขนาดเล็ก ความยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหางราวคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
นกกระจอก
[/url]
๑๓ ซม. ปากอ้วนสั้นเป็นปากกรวย หัวค่อนข้างจะใหญ่ คอสั้น ปีกสั้น ปลายปีกมน หางค่อนข้างสั้น ปลายหางหยักเว้าไปทางโคนหางน้อย ขาค่อนข้างจะสั้น กระหม่อมสีน้ำตาลเข้ม หัวข้างๆและก็คอสีขาว ขนบริเวณหูมีแถบสีดำ คอหอยสีดำ ลำตัวด้านบนแล้วก็ปีกสีน้ำตาลเข้ม ขนท้ายปีกรวมทั้งขนโคนปีกมีแถบสีขาว ๒ แถบ ลำตัวด้านล่างสีน้ำตาลอ่อน ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกันมาก แม้กระนั้นตัวผู้มีสีสดใสกว่าบางส่วน มักอยู่รวมกันเป็นฝูงใกล้ถิ่นอาศัยของคนเรา บางทีอาจเจอได้ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนกระทั่งที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๑,๘๐๐เมตร
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
นกกระจอก
กินเมล็ดพืชและแมลงขนาดเล็กเป็นอาหาร ทำรังตามใต้หลังคาบ้านหรือตามหลืบตามซอก วัสดุที่ใช้ทำรังมีหญ้าแห้งเป็นส่วนใหญ่ ขยายพันธุ์ได้ตลอดปี ออกไข่คราวละ ๓ – ๕ ฟอง ใช้เวลาฟักราว ๑๓ วัน ข้างหลังออกมาจากไข่ราว ๑๔ วัน ก็บินได้
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ประโยชน์ทางยา
แพทย์ตามต่างจังหวัดใช้นกกระจอกตลอดตัว ถอนขน ผ่าเอาเครื่องในออก ทำความสะอาด เอาพริกไทยและกระชายยัดในตัว แล้วหลังจากนั้นจึงปิ้งไฟ แล้วเอาออกมาตำเป็นผุยผง อาจผสมกับยาอื่นอีกหรือผสมน้ำผึ้ง รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ราษฎรตามต่างจังหวัดลางถิ่นใช้เลือดคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
นกกระจอก
ทาปานแดงทารก

Tags : นกกระจอก

10
ตลาด ซื้อ-ขาย / ตางตก
« เมื่อ: 24/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

คางคก
คางคกเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
มีกระดูกสันหลัง มี ๔ ขา เมื่อโตเต็มกำลังไม่มีหาง จัดอยู่ในวงศ์ Bufonidae คางคกแท้อันเป็นคางคกที่จัดอยู่ในสกุล Bufo พบได้เกือบทั่วโลกกว่า ๑๐๐ จำพวก ที่เจอในประเทศไทยมีหลากหลายประเภท ได้แก่
คางคก อันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bufo melanostictitcus (Schneider)
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
คางคก
ป่า อันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bufo macrotis ( Boulenger)

คางคกไฟ หรือคางคกหัวจีบ อันมีชื่อวิทยาศาสตร์ Bufo parvus (Boulenger)
ชีววิทยาของคางคก
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
คางคก
มีรูปร่างเหมือนกบ จุดเด่นของเป็น หนังตะปุ่มตะป่ำเต็มไปด้วยปุ่มปมเล็กบ้างใหญ่บ้าง ปมใหญ่ๆมักอยู่ตามหลัง เงื่อนใหญ่ที่สุดอยู่ข้างหลังตา เงื่อนเหล่านี้คือต่อมพิษ มีน้ำพิษเป็นยางเหนียวๆ(น้ำพิษนี้เมื่อถูกผิวหนังจะก่อให้คัน เมื่อรับประทานเข้าไปจะมีผลให้เมา อาจจะทำให้ตายได้) มีขาสั้นกว่ากบ มีฟัน ยู่ตามพื้นหรือใต้ดิน ออกหากินช่วงเวลากลางคืน ตามปกติหาเลี้ยงชีพตัวหนอนรวมทั้งแมลง โดยใช้ลิ้นที่เป็นแฉกแลบออกมาจับกุมหนอนหรือแมลงแล้วตวัดเข้าปากช่วงกลางวันมักแอบนอนอยู่ใต้ก้อนหินหรือท่อนไม้ หรือนอนนิ่งอยู่ตามซอกหรือในโพรงดิน เมื่อถึงเวลาผสมมพันธุ์ เพศผู้ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าตัวเมียจะเกาะบนพื้นข้างหลังตัวเมีย แล้วปล่อยน้ำเชื้อไปสู่ช่องร่วมซึ่งใช้เป็นอีกทั้งถ่ายแล้วก็ขยายพันธุ์ ตัวเมียวางไข่ในน้ำ ไข่ออกเป็นสายวุ้นยาวๆเมื่ออกเป็นตัวก็จะเป็นลูกอ๊อดเสมือนๆกับ ลูกกบ แม้กระนั้นดำกว่า
ยางคางคก
ยางเป็นยางสีขาวที่ได้จากต่อมบริเวณใต้ตาของ น้ำมาทำให้แห้งจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ การทำให้แห้งบางทีอาจใช้วิธีผึ่งเอาไว้ภายในที่ร่มไม่ตากแดด จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ระเบียงชู (chansu) ญี่ปุ่นเรียก เซนโซ (senso) ตำรำยาที่เมืองจีน ฉบับปี ค.ศ. ๒๐๐๐ รับรองเครื่องยานี้ภายใต้ชื่อ Venenum Bufonis ชื่อภาษาอังกฤษว่า Toad Venom หนังสือเรียนนี้ว่าอาจได้จาก ๒ ประเภท เป็น จีน (Bufo gargarizans Cantor) หรือ Bofo melanostictus ( Schneider)
ยางมีคุณลักษณะหวาน ฝาด อุ่น และเป็นพิษ เข้าสู่เส้นไตและกระเพาะอาหาร มีคุณลักษณะทำลายพิษ แก้ปวด และก็ทำให้ฟื้นคืนสติ จึงใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ปวด แก้ปวดท้อง แก้ไอ ใช้ผสมเป็นยาทาภายนอกใช้สำหรับแก้คัน แล้วก็แก้โรคผิวหนังลางจำพวก เนื่องจากว่ามีฤทธิ์หยุดความรู้สึกที่ปลายประสาทใช้แก้พิษฝีต่างๆ
ยางมีสารที่ออกฤทธิ์ต่อหัวหัวใจหลายประเภท สารพวกนี้ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ บีบตัวได้แรงขึ้นหลายแบบ ที่สำคัญยกตัวอย่างเช่น สารโฟทาลิน (bufotalin) สารบูโฟนิน (bufonin)
ประโยชน์ทางยา
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
คางคก
ที่ ใช้ ทางยาเป็นมันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bofo meianostictus (schneider) ประเภทนี้มีความยาว จากปากถึงก้นราว ๑๐ เซนติเมตร หมอแผนไทยใช้ตายซาก เป็นที่ตายแล้วแห้งไม่เน่าเหม็น เอาสุมไฟตลอดตัว กระทั่งเป็นถ่านแล้วบดผสมกับน้ำมันยาง (Dipterocarpus alatus Roxb) ทาแผลโรคเรื้อน โรคมะเร็ง คุดทะราด ฆ่าเชื้อโรคได้ดิบได้ดี

11
ตลาด ซื้อ-ขาย / นกกะลิง
« เมื่อ: 23/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

นกกะลิง
นกกะลิง หรือที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเรียก นกกะแล
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Psittacula himalayana finchii (Hume)
จัดอยู่ในตระกูล Psittacidae
มีชื่อสามัญว่า gray – headed parakeet หรือ slaty – headed parakeet
ชีววิทยาของนกกะลิง
นกนี้เป็นนกปากโก่งกระเป๋านขอประเภทหนึ่ง ความยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหายราว ๔๖ ซม. ความยาวนี้เป็นความยาวของหางราวครึ่งหนึ่ง ปากบนสีแดงปลายเหลือง ปากด้านล่างสีเหลือง ตาสีดำ หัวสีเทาแก่ ที่คอมีแถบดำใหญ่พาดจากรอบๆใต้คางไปถึงข้างหลัง แถบนี้จะค่อยๆเรียวเล็กลงกระทั่งเหลือเป็นเพียงเส้นเล็กๆที่ท้ายทอย ต้นคอใต้เส้นดำเป็นสีฟ้า ใต้ปีกสีน้ำเงินอมเขียว หางยาว ตอนบนสีฟ้าอมเขียว ปลายเหลือง เมื่อมองผาดๆจะมองเห็นเป็นนกที่มีสีเขียว ตัวผู้มีแต้มสีแดงเข้มที่ที่ศีรษะปีกด้านข้าง และก็แถบดำที่คางมีขนาดใหญ่กว่าของตัวเมีย คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
นกกะลิง
อยู่รวมกันเป็นฝูง มักพบทางภาคเหนือที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๖๐๐ – ๑,๒๐๐ เมตร นกจำพวกนี้กินผลไม้ เมล็ดพืชและยอดอ่อนของพืช สร้างรังตามโพรงไม้ ออกไข่คราวละ ๒ – ๕ ฟอง ในระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ไข่ค่อนข้างจะกลม สีขาว ใช้เวลาฟัก ๒๒ – ๒๕ วัน
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยตามต่างจังหวัดใช้เลือดนกกะลิงผสมกับยาอื่น เป็นยาบำรุงเลือด แก้โรคโลหิตจางและก็เลือดพิการ
ใน พระคัมภีร์ชวดารให้ยาขนานหนึ่ง เป็นยาแก้ลมกล่อน ยาขนานนี้เข้า “หางนกกะลิง” เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้ ยาแก้ลมกล่อน อัณฑะเจ็บเมื่อยล้าตายไปข้างหนึ่ง ทั้งยังกายก้ดี เอายาเข้าเย็น ๑ โพกพาย ๑ ประพรมคตตีนเต่า ๑ หางคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
[url=https://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/16959944/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87]นกกะลิง
[/url]
[/i] ๑ กำลังโคเถลิง ๑ หนวดพญางู ๑ เอาเสมอกัน ต้มทากล่อนลม หายแล

Tags : นกกะลิง

12
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

กุย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Saiga tatarica Linnaeus
ในตระกูล Bovidae
มีชื่อสามัญว่า saiga antelope
มีชื่อยาในภาษาละตินว่า Cornu saigae Tataricae
เจอในที่ราบท้องทุ่งและก็ในที่สูงที่มีลมหนาวจัด และก็มักมีฝุ่นทรายขจุยขจายอยู่ ตั้งแต่ประเทศโปรแลนด์ไปถึงที่ราบสูงตอนใต้ของรัสเซียถึงทุ่งหญ้าที่ราบสูงในประเทศดูโกเลีย
ชีววิทยาของกุย
กุยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กีบคู่ ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงตูดยาว ๑.๑๐-๑.๔๐ เมตร หางยาว ๐.๘๐-๑.๓๐ เมตร สูง ๖๐-๘๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๒๓-๔๐ โล หัวใหญ่แล้วก็อ้วน ตัวเมียไม่มีเขา เพศผู้มีเขารูปคล้ายพิณฝรั่ง ยาว ๒๐-๒๖ ซม. มีวงเป็นข้อนูนต่อเนื่องกันขึ้นไปจากโคนเขา ถึงเกือบปลายเขา ๑๐-๑๖ วง ระยะระหว่างวงนูนราว ๒ ซม. ปลายแหลม ดั้งหนาและโค้งโค้ง จมูกคล้ายกระเปาะพอง มีสันตามแนวยาว รูจมูกเปิดออกทางด้านล่างภายในรูจมูกมีโครงสร้างพิเศษหลายประเภท กระดูกรุ่งโรจน์ดีเยี่ยมแล้วก็เรียงช้อนล้ำกัน ด้านในมีขนครึ้ม ต่อมและร่องเมือก สำหรับกรองฝุ่นละอองและทำให้อากาศที่หายใจเข้าไปอุ่นรวมทั้งเปียกชื้นขึ้น มีประสาทดมกลิ่นดีมาก นอกนั้นในรูจมูกยังมีถุงที่พองได้ ด้านในบุด้วยเยื่อเมือก มีขนที่ใต้คอดกเพื่อกันความหนาว ในช่วงฤดูขนบนตัวจะเกรียนสีน้ำตาลออกแดง จมูกและหน้าผากสีน้ำตาลคล้ำกว่า บนกระหม่อมมีลายสีออกเทา รอบก้น ใต้ท้อง และหางสีขาว ในฤดูหนาวขนจะยาวและดกกว่า มีขนรองดก มีสีขาวเทาตลอดลำตัว กุยมีขาเรียวยาว ด้นหลังกีบกางออกนิดหน่อย หางสั้นมากมาย ใต้หางไม่มีขน สัตว์จำพวกนี้ถูกใจอยู่เป็นฝูงเล็ก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มักรวมฝูงแล้วก็ย้ายที่อยู่ลงไป ทางทิศใต้ที่อบอุ่นกว่า ในฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนเมษายน) ตัวผู้ย้ายที่อยู่ขึ้นไปทางด้านเหนือก่อน แล้วฝูงตัวเมียก็ย้ายที่อยู่ขึ้นไปสมทบ เวลาวิ่งมักก้มหัวต่ำ แต่ว่าวิ่งได้เร็วถึงชั่วโมงละ ๖๐ กิโลเมตร ชอบรับประทานใบไม้ในพุ่มไม้รวมทั้งใบต้นหญ้า อดน้ำได้นาน
ประโยชน์ทางยา
เขาคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
กุย
มีที่ใช้ทั้งในยาไทยและยาจีน ส่วนใหญ่ที่มีขายในร้านยาจีนมาจากทางภาคเหนือของเขตปกครองตนเองสินเจียงอุยกูร์ ประเทศสหรัฐราษฎรจีน มีสีขาวๆถึงสีขาวอมเหลือง ราว ๑ ใน ๓ ถึงกึ่งหนึ่งจากโคนเขามีเนื้อกระดูกที่แข็งและแน่นเมื่อคัดออกจะทำให้เขากลวง โปร่งใส เมื่อส่องกับแสงสว่างจะมองเห็นข้างในช่วงหลังเขากุยมีช่องเล็กๆ ทอดเป็นเส้นตรงยาวไปจนกระทั่งปลายเขา เรียก รูทะลุปลายเขา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเขากุย
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

การเตรียมเขาคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
กุย
สำหรับใช้เป็นยาทำได้ ๒ แนวทาง คือ

๑.ทำเป็นแผ่นบางๆ ซึ่งทำโดยเอาเขาที่เอาเนื้อกระดูกออกแล้ว แช่น้ำอุ่นไว้เป็นเวลานานพอสมควร คัดแยกออกจากน้ำแล้วตัดตามแนวขวางเป็นชิ้นบางๆแล้วทำให้แห้ง
๒.ทำเป็นผงละเอียด โดยใช้เขาที่เอาเนื้อกระดูกออกแล้ว นำไปบดเป็นผงละเอียด
ตำราเรียนยาคุณประโยชน์โบราณว่า
เขากุยเป็นยาเย็น มีรสเค็ม ใช้แก้ไข้สูง และก็อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาการไข้สูง ตัวอย่างเช่น หมดสติ ชัก เพ้อ คลั่ง ฯลฯ แก้โรคลมชัก
จีนว่ายานี้เป็นยาแก้ตับทำงานมากเกินไป มีสรรพคุณกำจัดความร้อนและสารพิษต่างๆภายในร่างกาย เมื่อรับประทานเขาคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
กุย
แล้วจะมีผลให้ตัวเย็น และก็สรรพคุณนี้แรงกว่า เขากระบือราว ๑๕ เท่า (อาจใช้เขากระบือแทนได้)

Tags : กุย

13
ตลาด ซื้อ-ขาย / อีกา
« เมื่อ: 21/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

กา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corvus macrorhynchos Wagler
จัดอยู่ในสกุล Corvidae
ที่พบในประเทศไทยมี ๒ ประเภทย่อย คือ ประเภทย่อย Corvus macrorhynchos macrorhynchos Wagler กับประเภทย่อย Corvus macrorhynchos levaillantii Lesson มีชื่อสามัญว่า large-billed หรือ jungle crow
ชีววิทยาของคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
อีกา

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
กา
เป็นนกขนาดกึ่งกลาง ความยาวของตัววัดจากปากถึงปลายหางราว ๕๓ เซนติเมตร มีสีดำตลอดตัว มองเห็นเป็นมันเมื่อมีแสงจัด มีปากใหญ่ สันบนโค้งมากมายขาแข็งแรง กินอาหารทุกหมวดหมู่ พบได้ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ได้ตั้งแต่เขตกลางเมืองจนถึงเขตป่าเขา

14
ตลาด ซื้อ-ขาย / ควาย
« เมื่อ: 18/มี.ค./19 »
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ควาย
ควายบ้าน หรือ water buffalo
ที่เรียกแบบนี้เพราะควายไม่มีต่อมเหงือกสำหรับระบายความร้อนจากร่างกาย จึงชอบอยู่กับน้ำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bubalus bubalis (Linnaeus)
จัดอยู่ในสกุล Bovidae ปรับปรุงมาจากควายป่า
ชีววิทยาของควายป่า
ควายป่า หรือ wild water buffalo มีลักษณะเด่น คือ เขายาว (มีความยาวเฉลี่ยราว ๑๕๐ ซม.) เมื่อตัดตามแนวขวางจะมองเห็นเขาเป็นสามเหลี่ยม มีรูปร่างทั่วไปคล้ายควายบ้าน แต่ขนาดทุกส่วนมากกว่ามาก ถ้าหากยืนเทียบกับควายบ้านจะดูเหมือนพ่อกับลูก ความสูงที่ไหล่ของเพศผู้ราว ๑.๘๐ เมตร น้ำหนัก ๘๐๐-๑๒๐๐ กิโลกรัม โคนเขาครึ้ม วงเขากว้าง ปลายเขาแหลม ตอนล่างของเท้าทั้งสี่มีสีขาว เหมือนใส่ถุงเท้าขาว ใต้คอมีลายขาวเป็นรูปลิ่มสามเหลี่ยมสันกว้าง ควายป่าเป็นสัตว์ที่ถูกใจอยู่เป็นฝูงใหญ่ๆควายในฝูงส่วนใหญ่เป็นตัวภรรยาและตัวผู้ที่ยังแก่น้อย เมื่อเพศผู้มีอายุมากยิ่งขึ้น มักแยกตัวออกจากฝูงไปอยู่และก็ทำมาหากินสันโดษเป็นควายโทน ในฝูงหนึ่งมีหัวหน้าฝูงสำหรับผสมพันธ์เพียงแค่ตัวเดียว ควายป่าชอบหาเลี้ยงชีพตามป่าแล้วก็ท้องทุ่งไม่ไกลจากแหล่งน้ำ เมื่อรับประทานอิ่มและก็ชอบนอนปลักโคนหรือนอนแช่น้ำในลำห้วย โคลนตมช่วยให้ปกป้องคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ควาย
ไม่ให้ยุ่งชำเลืองกัดมากนัก ควายป่ามีภูมิลำเนาตั้งแต่ภาคกึ่งกลางของประเทศอินเดีย จนถึงเมืองอัสสัม ประเทศพม่า และ ประเทศในคาบสมุทรอินโดจีนทั้งสิ้น รวมถึง ไทย ลาว เวียดนาม รวมทั้งกัมพูชา และก็ประเทศไทยเคยมีควายป่าชุกชุมตามลำน้ำที่ราบต่ำธรรมดา (ละเว้นภาคใต้) เดี๋ยวนี้มีคงเหลืออยู่เฉพาะที่เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานีเพียงแค่ที่เดียว มนุษย์จับควายป่ามาเลี้ยงเพื่อใช้งานแต่โบราณ ขนาดตัวของมันจึงเล็กลงเนื่องจากว่าอดอาหารรวมทั้งออกกำลังกายราวกับควายป่า ควายที่มีสีผิวอ่อนหรือสีออกชมพูๆเรียก ควายเผือก (pink buffalo)
ผลดีทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้น้ำนมควาย เขาควายเผือก และก็กระดูกควายเผือก เป็นเครื่องยา ดังนี้
๑.น้ำนมควาย ได้จากเต้านมของควายบ้านเพศภรรยาที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ตำรายาสรรพคุณโบราณว่า นมคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ควาย
มีรสหวาน ร้อน มีสรรพคุณแก้พรรณดึก ทำให้เจริญอาหาร โบราณใช้น้ำนมกระบือ เป็นทั้งยังยากระสายยารวมทั้งเครื่องยา ยาขนานที่ ๖๖ ใน แบบเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ เข้า “นมกระบือ” (น้ำนมควาย) เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง ร่วมกับ “นมแกะ” แล้วก็เครื่องยาอย่างอื่นอีกหลายสิ่งหลายอย่าง
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

๒.เขาควาย ตำราเรียนยาคุณประโยชน์โบราณว่า เขาควายมีรสเย็น ควาย แก้สรรพพิษ แก้ร้อนใน ทำลายพิษ แก้พิษไข้ ฯลฯ พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่ง เข้า “เขาควายเผือก” (เขาควายเผือก) เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ อันว่าลักษณะกุมารธิดาคนใดกันแน่ เกิดขึ้นมาในวันจันทร์ วันพุธ คลอดตอนเวลาเช้าเวลาเที่ยงก็ดี เมื่อแม่ออกมาจากเรือนไฟแล้วราวๆ ๓ เดือน จึงตั้งเกิดทรางน้ำทรางสะกอเจ้าเรือน เมื่อจะเกิดขึ้นนั้น เป็นตั้งแต่คอถึงเพดานลุปากพวกหนึ่ง จำพวกหนึ่งกินนอกไส้ขึ้นมาจนกระทั่งลิ้น ก็เลยทำให้ลงแดง ให้อยากกินน้ำ ให้เชื่อม ถ้าเกิดหมอวางยาถูกใจกุมารผู้นั้น ก็เลยจะได้ชีวิตคืน ถ้าจะแก้ท่านให้เอา เขาคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
ควาย
๑ เขาเบ็ญกานี ๑ สีเสียดทั้งยัง ๒ ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง น้ำประสานทอง ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน ทำเป็นจุณบดทำแท่ง ละลายน้ำจันทร์กิน แก้ลงท้องเพื่อทรางน้ำ พระหนังสือไกษยให้ “ยาประจำธาตุไกษยปลวก” ขนานหนึ่ง เข้า “เขาควาย” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ยาประจำธาตุไกษยปลวก เอาเขาควายเผา ๑ ผลสบ้าเผา ๑ ปูนแห้งข้างเตาเผา ๑ สิ่งละ ๑ ส่วน พริกไทย ๓ ส่วน ตำเป็นผงบดทำแท่งไว้ละลายน้ำปูนใสกิน แก้ไกษยปลวก รวมทั้งก้าวหน้าธาตุให้เป็นปรกติวิเศษนัก ยาจีนใช้เขาควายแก้อาการสลบ แล้วก็ในโรคติดเชื้อแบบเฉียบพลันที่ทำให้เป็นไข้สูง แล้วก็อาการเลือดออกเพราะว่าความร้อนด้านใน
๓.กระดูกควาย ยาไทยนิยมใช้ “กระดูกควายเผือก” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง ดังเช่นว่า ยาแก้โรคเรื้อนกินกระดูก ใน พระตำราร์ชวดาร ดังนี้ ยาต้มแก้โรคเรื้อนรับประทานกระดูกให้ขัดในข้อ เอากระดูกช้าง ๑ กระดูกแพะ ๑ กระดูกควายเผือก ๑ กระดูกสุนักข์ดำ ๑ เถาโคคลาน ๑ ป่าช้าหมอง ๑ ต้นหญ้าหนวดแมว ๑ ยาเข้าเย็นเหนือ ๑ ยาเข้าเย็นใต้ ๑ ยาทั้งนี้เอาเท่าเทียม ดองเหล้าก็ได้ ต้มก็ได้รับประทานแก้พยาธิแลโรคเรื้อน

Tags : ควาย

15
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สีเสียด
ชื่อสมุนไพร สีเสียด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน สีเสียดเหนือ ,สีเสียดไทย (ภาคกลาง),สีเสียด,ขี้เสียด,สีเสียดเหลือง(ภาคเหนือ),สีเสียดแก่น(จังหวัดราชบุรี),สะเจ(ไทยใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia catechu (L.f.) Willd.
ชื่อสามัญ Black Catechu ,Catechu Tree, Cutch tree,Acacia catechu, Cutch
ตระกูล LEGUMINOSAE- MIMOSACEAE
บ้านเกิดเมืองนอนสีเสียด
เสียดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในทวีปเอเชียตั้งแต่ ตะวันตกของปากีสถาน ศรีลังกาประเทศอินเดียไปจนกระทั่งประเทศพม่าจีน,ไทยและประเทศต่างๆในรอบๆห้วงมหาสมุทรอินเดีย ต่อมามีการกระจายพันธุ์ไปในประเทศต่างๆในบริเวณใกล้เคียง สำหรับในประเทศไทยมักขึ้นกระจัดกระจายตามป่าโปร่งแล้วก็ป่าละเมาะ บนที่ราบ แล้ง โดยสามารถขึ้นเป็นกรุ๊ปๆบนพื้นที่ชำรุดที่มีภาวะดินชั่วและมีก้อนกรวดหินปนเป มีการระบายน้ำดี เป็นพืชพันธุ์ไม้ที่ถูกใจแสง แข็งแรงต่อภาวะแล้ง สามารถแตกหน่อได้อย่างเร็ว
ลักษณะทั่วไปสีเสียด
สีเสียดจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง สูง 10-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง ตามลำต้นแล้วก็กิ่งมีหนามแหลมโค้งออกในลักษณะเป็นคู่ เปลือกเป็นสีเทาคล้ำหรือสีเทาอมน้ำตาลขรุขระแตกล่อนเป็นแผ่นยาว แก่นสีน้ำตาลแดง
ใบ เป็นแบบใบประกอบแบบขนสองชั้น เรียงสลับ ช่อใบแขนงเรียงตรงกันข้ามกัน 10-20 คู่ ใบย่อย 30-50 คู่ เรียงตรงกันข้าม ใบรูปแถบ กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 4-7 มิลลิเมตร ปลายใบมน โคนใบเบี้ยว ใบเกลี้ยง หรือมีขนบางส่วนเส้นแขนงใบข้างละ 6-7 เส้น ก้านใบหลักยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร มีขน
ดอกออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดเหมือนช่อหางกระรอกตามซอกใบรวมทั้งปลายกิ่ง ช่อยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อน กลีบดอก 5 กลีบ ยาว 0.2-0.3 ซม เกสรเพศผู้เยอะแยะ เป็นเส้นเล็กสีขาว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-3 มิลลิเมตร มีกลิ่นหอม
ผลออกเป็นฝักแห้งแตก ฝักแบนรูปขอบขนานหัวด้านหลังแหลม ยาว 5-10 เซนติเมตร ฝักแก่สีน้ำตาลคล้ำวาว เม็ด มี 3-7 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะแบน สีน้ำตาลอมเขียว
แก่นไม้ มีสีแดงเข้มถึงน้ำตาลปนแดง เป็นมันเลื่อม เศษไม้สน เนื้อแน่น แข็งเหนียว ส่วนแก่นของต้นมีสีน้ำตาบแดง รวมทั้งทนทาน เลื่อยผ่า ตบแต่งได้ยาก
การขยายพันธุ์สีเสียด
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สีเสียด
สามารถเพาะพันธุ์ได้ 2 วิธี เป็น
แบบอาศัยเพศ ใช้เม็ดเพาะในแปลงเพาะ โดยการทำการเก็บฝักแก่จากต้น โดยจะสังเกตว่าฝัหมีสีน้ำตาลคล้ำเป็นมัน นำไปตากแดดให้แห้ง 2-3 วัน ฝักจะแตกอ้าตามรอยตะเข็บข้างๆเม็ดแก่จะมีสีน้ำตาลอมเขียว เป็นเงา แล้วนำเมล็ดไปเพาะในแปลงเพาะ ซึ่งจะมีเปอร์เซ็นต์การงอกโดยประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ และก็เมล็ดจะใช้เวลาสำหรับเพื่อการแตกออก 10 วัน ก็เลยย้ายชำกล้าลงถุงพลาสติกที่ได้ตระเตรียมดินไว้แล้ว แล้วหลังจากนั้นดูแลกล้าโดยประมาณ 4-5 เดือน ก็เลยนำไปปลูกภายในพื้นที่ที่ต้องการต่อไป สำหรับในการเพาะเมล็ด บางทีก็อาจจะใช้วิธีหยอดเม็ดลงในถุงก๊อบแก๊บโดยตรงแล้ว รักษากล้าให้เจริญเติบโตจนถึงระยะปลูกก็ได้เช่นเดียวกัน
แบบไม่อาศัยเพศ โดยการใช้เหง้าปลูก เนื่องจากไม้แก่นเป็นไม้โตเร็ว จึงสามารถเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติด้วยการแตกหน่อได้ด้วย
สำหรับเพื่อการกำหนดระยะ ถ้าต้องการใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ควรปลูกระยะห่าง 2x3 เมตร หรือ 4x4 เมตร แต่ว่าถ้าปลูกเพื่ออยากผลิตไม้ฟืนหรือถ่าน ควรปลูกระหว่าง 2x2 หรือ 2x4 เมตร รวมทั้งถ้าหากปลูกเพื่ออยากเก็บเม็ดในการทำแหล่งเมล็ดพันธุ์ ควรจะปลูก 2x2 หรือ 2x4
ส่วนประกอบทางเคมี
สาระสำคัญกลุ่มหลักที่พบในสีเสียดไทย เป็น สารกลุ่มแทนนิน (tannins) ที่ทำให้พืชสมุนไพรจำพวกนี้รสฝาด ตัวอย่างเช่น catechutannic acid ในปริมาณ 20-35%, acacatechin 2-10%, epicatechin, phlobatannin, protocatechu tannins, pyrogallic tannins, epicatechin-3-O-gallate, epigallocatechin3-O-gallate นอกจากนี้ยังพบสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavoniods) มี quercetin, quercetagetin, fisetin flavanol dimers, flavonol glycosides, 5,7,3´,4´-tetrahydroxy-3-methoxy flavone-7-O-β-D-galactopyranosyl-(1→4)-O-β-D-glucopyranoside แล้วก็ยังเจอสารกรุ๊ปอื่นๆตัวอย่างเช่น catechu red รวมทั้ง caffeine แล้วก็ถ้าแยกเป็นแต่ละส่วนออกมาจากสารต่างๆดังนี้
ใบ เจอ Catechin, Isoacacatechol, Tannins isoaca catechol acetate
เปลือกต้นพบสารจำพวก Catechol, Gallic acid, Tannin, แก่นมีสาร Catechin, Dicatechin, 3′ ,4′ ,7′ , -Tri-O-methyl catechin, 3′ ,4′ ,5 , 5′ , 7-sPenta-O-methyl gallocatechin, ใบมีสาร -(+)-Chatechin, Isoacacatechol, Tannins isoacacatechol acetate ส่วนทั้งต้นมีสาร Epicatechin
สรรพคุณเสียดสี
ในประเทศไทยมีการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆล้นหลาม ดังเช่นว่า มีการเปลือกต้นและก็ก้อน มาใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้าและฟอกหนังสัตว์ โดยแก่นไม้หรือแก่นของจะให้สีน้ำตาล ที่สามารถประยุกต์ใช้ย้อมผ้า แห อวน แล้วก็หนังได้ หรือจะใช้เปลือกต้นเอามาย้อมเส้นไหม โดยการลอกเอาเฉพาะเปลือกต้นแล้วเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆต้มสกัดสีกับน้ำ ในอัตราส่วน 1:2 ซึ่งจะได้เส้นไหมสีน้ำตาล ฯลฯ
สีเสียดมีเนื้อไม้สีแดงเข้มถึงน้ำตาลแดง ลักษณะเป็นเงาเลื่อมเหนียว แข็งแรง ขัดชักเงาได้ดิบได้ดี สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำเครื่องไม้เครื่องมือ ของใช้ต่างๆหรือใช้ทำเสาเรือนใช้สำหรับกลึง สลัก สำหรับต้นที่ลักษณะไม่ดีก็ใช้ทำฟืนเชื้อเพลิงหรือใช้เพื่อสำหรับในการเผาถ่านได้ ส่วนใบใช้เป็นอาหารสัตว์ประเภท โค ควาย หรือใช้ต้นใช้เลี้ยงครั่งได้เช่นกัน นอกเหนือจากนี้ชาวเขาในเชียงใหม่ ยังมีการใช้แก่นไม้ เอามาบดกินกับหมากได้อีกด้วย
สำหรับสรรพคุณทางด้านสมุนไพรนั้น ตามตำรายาไทยได้มีการนำมาทำเป็นเครื่องยาโดยการนำแก่นต้น สับให้เป็นชิ้นๆแล้วต้มแล้วก็เคี่ยว จากนั้นระเหยน้ำที่ต้มได้ให้เหนียวข้น จะได้ของแข็งเป็นก้อน สีน้ำตาลดำ เป็นมัน แข็ง รูปร่างไม่แน่นอน ผิวนอกหยาบคาย มีด้านในด้านหนึ่งที่แตกจะแวววาว ไม่มีกลิ่น รสขม ฝาดจัด ซึ่งมีคุณประโยชน์ แก้ท้องร่วงเรื้อรัง ลำไส้อักเสบ รักษาบาดแผล แก้ปากเป็นแผล ใส่แผลเปื่อยยุ่ยรวมทั้งริดสีดวง รวมทั้งอาการบาดเจ็บที่มีเลือดออก บดหรือต้มรับประทานแก้ท้องเดิน คุมธาตุ แก้บิดมูกเลือด แก้ลงแดง ทารักษารอยแผล รักษาโรคผิวหนัง ต้มล้างรอยแผล ไทยเป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเดิน ห้ามเลือดที่ออกจากจมูก แก้บิด ล้างแผลหัวนมแตก ล้างแผลถูกไฟเผา ทำให้แผลหายเร็ว และยังใช้ส่วนต่างๆของต้นเป็นสมุนไพรได้โดยจะมีคุณประโยชน์ดังต่อไปนี้
แก่นไม้ แก้ท้องร่วง,รักษาโรคผิวหนัง,แก้บิด,ปิดธาตุ,แก้ลงแดง
เปลือกต้น แก้บิด แก้ท้องเสีย สมานแผล แก้ท้องร่วง
เม็ดในฝัก ฝนแก้โรคหิด แผลน้ำกัดเท้า
นอกจากนั้นบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้สีเสียดไทย ในยารักษาลักษณะของโรคในระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำรับ ”ยาเหลืองปิดสมุทร” มีส่วนประกอบของไทย รวมทั้งเทศ ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องร่วงจำพวกที่ไม่มีสาเหตุมาจากการได้รับเชื้อ อย่างเช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดคละเคล้าและก็ท้องเสียชนิดที่ไม่มีไข้ได้อีกด้วย
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

ต้นแบบ/ขนาดการใช้
ในการนำก้อนมาใช้จำเป็นต้องเอามาบดเป็นผงประมาณ 0.3-2 กรัม แล้วชงน้ำ หรือต้มเอาน้ำกินช่วยแก้อาการท้องเดิน ท้องเดิน แก้บิด หรือใช้ทารักษาแผลต่างๆก็จะช่วยรักษาแผลล้างบาดแผล ใช้ห้ามเลือด รวมทั้งรักษาโรคผิวหนัง น้ำกัดเท้าได้ แก้แผลเรื้อรัง ใช้เปลือกต้น ต้มกับน้ำ ใช้ล้างแผล หัวนมแตก ใช้ล้างแผล แก้แผลเปื่อยยุ่ยเรื้อรัง น้ำกัดเท้า แก้โรคหิด ใช้เม็ดฝัก ฝนทาแก้โรคหิด แผลน้ำกัดเท้า หรือจะใช้ผงสีเสียดเป็นยาฝาดสมาน แก้อาการท้องเสีย โดยผสมกับผงอบเชย ในจำนวนเท่าๆกัน หากท้องเสียมากใช้ 1 กรัม ถ้าหากน้อยใช้ 1/2 กรัม ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เคี่ยวหนึ่งชั่วโมง กรอง รับประทานทีละ 4 ช้อนแกง (ประมาณ 30 มล.) วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงผสมกับน้ำมันพืช ทาแผลน้ำกัดเท้า
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต่อต้านจุลชีวัน มีรายงานการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพ พบว่าสารสกัดน้ำ เมทานอล รวมทั้งเฮกเซน จากไทยมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli O157:H7, Pseudomonas aeruginosa, Salmonella typhi, Bacillus subtilis, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus และก็ methicillinresistant S. aureus ได้ นอกนั้นยังพบว่าสารสกัดเฮกเซนจากเปลือกต้นไทยมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Candida albicans รวมทั้ง Aspergillus niger ได้
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองพบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ทดลองสารสกัดเอทานอล (80%) จากลำต้นแห้ง ความเข้มข้น 6.25 มิลลิกรัม/มล. กับเชื้อแบคทีเรีย S. aureus ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์อ่อนๆเมื่อเปลี่ยนมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากเรสินของคุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สีเสียด
พบว่ามีฤทธิ์ มีการทดสอบน้ำสกัด สารสกัดเฮกเซน รวมทั้งสารสกัดเอทานอล ความเข้มข้น 200 มก./มล. ของพืชหลายชนิดสำหรับในการต้านทานเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆโดยวิธี agar well diffusion จากผลของการทดลองพบว่า สารสกัดเอทานอลจากเปลือกของ มีฤทธิ์ต้านทาน S. aureus ส่วนน้ำสกัดมีฤทธิ์อ่อนๆรวมทั้งสารสกัดเฮกเซนไม่มีฤทธิ์
ฤทธิ์ต้านอาการท้องเดิน สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์น้ำจากเปลือกต้น (Acacia catechu Willd.) ซึ่งประกอบด้วยสารกลุ่ม catechins เช่น (-)-epicatechin และ (+)-catechin มีฤทธิ์ลดความถี่และความแรงสำหรับในการหดเกร็งตัวของลำไส้ใหญ่รวมทั้งลำไส้เล็กส่วนปลายที่แยกได้จากหนูตะเภา โดยฤทธิ์การหยุดยั้งจะมากขึ้นตามจำนวนสารสกัดที่ให้ สารสกัดจากต้นสามารถเสริมฤทธิ์ของ calcium antagonist สำหรับในการต่อต้านการยุบเกร็งรอบๆลำไส้ใหญ่มากยิ่งกว่าส่วนของลำไส้เล็กส่วนปลาย และสามารถออกฤทธิ์คลายการหดเกร็งของลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กส่วนปลายจากการเหนี่ยวนำด้วยสาร carbachol ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเปลือกต้นมีฤทธิ์ต้านการหดเกร็งของไส้ผ่านการขัดขวาง muscarinic receptors และก็ Ca2+ channels ของเซลล์ จากการทดสอบฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่ก่อเกิดอาการท้องเสีย พบว่าสารสกัดจากต้นสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Campylobacter jejuni, Escherichia coli แล้วก็ Salmonella spp โดยไม่มีผลต่อเชื้อจุลินทรีย์ชนิด Bifido และ Lactobacillus ในลำไส้เมื่อให้ที่ความเข้มข้น 5 เท่าของฤทธิ์ต้านการยุบเกร็ง จึงสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดจากต้นออกฤทธิ์บรรเทาอาการท้องเดิน โดยการต้านการหดเกร็งในลำไส้มากกว่าฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยน่าจะเป็นคุณประโยชน์ต่อการดูแลรักษาอาการท้องเสียที่มิได้มีต้นเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ การทดลองนำสารสกัดผสมระหว่าง baicalin จาก Scutellaria baicalensis และ (+)- Catechin จาก A. catechu มาทดลองฤทธิ์ลดการอักเสบ พบว่าสารผสมดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถยั้งแนวทางการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (COX) และก็ 5-lipoxygenase (5-LOX) ได้ โดยมีค่า IC50 (50% inhibitory concentration) ต่อ ovine COX-1 and COX-2 peroxidase enzyme และ potato 5-LOX enzyme เท่ากับ 15 g/mL และ 25 g/mL ตามลำดับ
ฤทธิ์ต่อต้านออกซิเดชั่น การเรียนรู้ฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นของส่วนสกัดเอธานอลจาก A. catechu (L.f.) Willd. ด้วยวิธี 1,1-Diphenyl-2-picrylhydrazyl (DPPH)assay โดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน Buthylated Hydroxyl toluene (BHT) แล้วก็ Quercetin ได้ค่าความเข้มข้นของสารสกัดที่ยั้งการเกิดอนุมูลอิสระได้ร้อยละ 50 (IC50) พอๆกับ 10.45μg/ml และ 2.73 μg/ml เป็นลำดับ
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การทดสอบความเป็นพิษทดลองฉีดสารสกัดเอทานอล (50%) จากลำต้น เข้าทางท้องหนูถีบจักร พบว่าความเข้มข้นสูงสุดที่สัตว์ทดลองทนได้ เป็น 100 มก./กก.
พิษต่อเซลล์ทดลองสารสกัดเอทานอล (50%) จากลำต้นกับ CA-9KB โดยมี ED50 มากกว่า 20 มคก./มิลลิลิตร พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ มีการทดสอบสารสกัดจากเปลือกกับเซลล์จากปลายรากของหอมหัวใหญ่ จากการทดลองพบว่า สารสกัดจากเปลือก มีฤทธิ์ยั้งการแบ่งเซลล์เมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์เมื่อทดสอบสารสกัดจากแก่นไม้แห้ง (ไม่ระบุจำพวกสารสกัด) ความเข้มข้น 250 มคก./จานเพาะเชื้อ กับ Salmonella typhimurium TA100, TA1535, TA1538, TA98 พบว่าสารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีฤทธิ์ ข้อเสนอแนะ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง
การใช้สีเสียดเป็นยาสมุนไพร ควรจะพิจารณาถึงความปลอดภัย เหมือนกันกับสมุนไพรชนิดอื่น คือ ไม่สมควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน และไม่ควรจะใช้เกินจำนวนที่ระบุตามตำรายา เนื่องจากว่าอาจทำให้เกิดผลเสียต่อสภาพทางด้านร่างกายได้
ในการเลือกใช้สีเสียดก้อนนั้นควรคำนึงถึงความสะอาดและก็ควรที่จะทำการเลือกก้อนที่ไม่มีสิ่งปลอมปนอื่นๆติดมาหรือควรที่จะทำการเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้
เอกสารอ้างอิง
นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และนงลักษณ์ เรืองวิเศษ.วิเคราะห์ วิจัยคุณภาพเครื่องยาไทย.คอนเซพท์ เมดิคัส จำกัด กรุงเทพมหานตรา 2551.หน้า502-510
 จงรัก วัจนคุปต์.  การตรวจหาสมุนไพรไทยที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย.  Special Project Chulalongkorn Univ, 1952. 
ผศ.ดร.ศิริมา  สุวรรณกูฏ.สีเสียด.สมุนไพรแก้ท้องร่วง.บทความสมุนไพรฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
นิจศิริ เรืองรังสี และธวัชชัย มังคละคุปต์.สมุนไพรไทย เล่ม 1.สำนักพิมพ์บี เฮลท์ตี้ กรุงเทพฯ2547.หน้า305.
.ฐานข้อมูลสมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “เหนือ Catechu Tree / Cutch Tree”.  หน้า 32.
ฤทธิ์ต้านอาการท้องเสียของต้น.ข่าวความเคลื่อนไหนสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
เหนือ.กลุ่มยารักษาน้ำกัดเท้า.สรรพคุณสมุนไพร200ชนิดโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี(ออนไลน์)
สมสุข มัจฉาชีพ.พืชสมุนไพร.รุ่งศิลป์การพิมพ์.กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งที่2.2542.หน้า280.
ศุภยางค์ วรวุฒิคุณชัย.หลิน กิจพิพิธ.ฤทธิ์ต้านเชื้อของสารสกัดสมุนไพรไทยต่อ clinical isolates ของ methicillinresistant Staphylococcus aureus. วารสารสงขลานครินทร์. 2548. 27(Suppl. 2) หน้า 525-34.
ไทย.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ออนไลน์)
วันดี กฤษณพันธ์ เกร็ดความรู้สมุนไพร.สำนักพิมพ์ดิคัล มีเดีย กรุงเทพฯ พิมพ์ครั้งที่ 2.2539หน้า125.
Shen D, Wu Q, Wang M, Yang Y, Lavoie EJ, and Simon JE. Determination of the Predominant Catechins in Acacia catechu by Liquid Chromatography/Electrospray Ionization-Mass Spectrometry. J. Agric. Food Chem 2006, 54 (9): 3219-24.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
สีเสียด
เหนือ”.  หน้า 784-785.
Valsaraj R, Pushpangadan P, Smitt UW, Adsersen A, Nyman U.  Antimicrobial screening of selected medicinal plants from India.  J Ethnopharmacol 1997;58(2):75-83.
. Saini ML, Saini R, Roy S, and Kumar A. Comparative pharmacognostical and antimicrobial studies of acacia species (Mimosaceae). J Med Plants Res 2008, 2 (12): 378-86.
Shrimal SK.  Antimitotic effect of certain bark extracts.  Broteria Ser Trimest Cieng Nat 1978;48(3/4):55-8.
Jayshree D. Patel, Vipin Kumar, Shreyas A. Bhatt. Antimicrobial screening and phytochemical analysis of the resin part of Acacia catechu. Pharmaceutical Biology 2009, 47(1): 34-7.
 Ray PG, Majumdar SK.  Antimicrobial activity of some Indian plants.  Econ Bot 1976; 30:317-20.
. Burnett BP, Jia Q, Zhao Y, and Levy RM. A Medicinal Extract of Scutellaria baicalensis and Acacia catechu Acts as a Dual Inhibitor of Cyclooxygenase and 5-Lipoxygenase to Reduce Inflammation. J Med Food 2007, 10 (3): 442-51.
Dhar ML, Dhar MM, Dhawan BN, Mehrotra BN, Ray C.  Screening of Indian plants for biological activity: part I.  Indian J Exp Biol 1968; 6:232-47.
Ramli S, Bunrathep S, Tansaringkarn T, and Ruangrungsi N. Screening for free radical scavenging activity from ethanolic extract of Mimosaceous plants endemic to Thailand. J Health Res 2008, 22(2): 55-9.
Nagabhushan M, Amonkar AJ, Nair UJ, Santhanam U, Ammigan N, D'souza AV, Bhide SV.  Catechin as an antimutagen: its mode of action.  J Cancer Res Clin Oncol 1988;114(2):177-82.
 Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F.  Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties.  J Ethnopharmacol 1998;62:183-93.

Tags : ประโยชน์สีเสียด,สรรพคุณสีเสียด

หน้า: 1 2 3 ... 30
ร่วมขับเคลื่อนโดย