เริ่มหัวข้อโดย: นๅยด้ามขวาน ที่ 03/ต.ค./13
ชาวอเมริกันเกินครึ่งเห็นว่า การไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ทันก่อนเส้นตายวันที่ 17 ต.ค. คือหายนะ จึงเป็นเรื่องที่สภาคองเกรสต้องเร่งพิจารณาและให้ความสำคัญ มากกว่าจะมาขัดแย้งกันในตอนนี้เรื่องกฎหมายประกันสุขภาพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ร่วมกับสำนักวิจัยโออาร์ซี ในหัวข้อวิกฤตงบประมาณสหรัฐ รวบรวมข้อมูลจากชาวอเมริกันวัยทำงาน 803 คน โดยใช้วิธีสอบถามทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 27-29 ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่รัฐบาลกลางสหรัฐประกาศการเข้าสู่ภาวะ “โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์” หรือการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากสภาคองเกรส ปรากฏว่า 56% มองว่า คงเป็นเรื่องเลวร้าย ถ้าสหรัฐเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะไม่ทันก่อนวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่กระทรวงการคลังประกาศเป็นระยะ ว่าปริมาณหนี้สินของประเทศจะถึงจุดสูงสุดในวันดังกล่าว ขณะที่ 38% คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหาอะไร ซึ่งผู้ที่ตอบแบบนี้ส่วนใหญ่มีแนวคิดทางการเมืองแบบพรรครีพับลิกัน เมื่อนำประเด็นมาตรการขยายเพดานหนี้ไปเปรียบเทียบกับนโยบายประกันสุขภาพ หรือ “โอบามาแคร์” 51% คิดว่าการเพิ่มเพดานหนี้ให้ได้สำคัญกว่า ส่วนอีก 43% ให้ความสำคัญกับโอบามาแคร์มากกว่า แต่หากมาตรการขยายเพดานหนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบ 53% มองว่าเป็นความผิดของพรรครีพับลิกัน 31% มองว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ขณะที่ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยควินนิปิแอค เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. พอดี ระบุว่า 64% ไม่เห็นด้วยเรื่องการขัดขวางการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ และกฎหมายประกันสุขภาพ และมีผู้เห็นด้วยเพียง 27%
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐเร่งขยายเพดานหนี้มากกว่าเถียงกันเรื่อง “โอบามาแคร์”