สนับสนุนเว็บ

ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวภาพยนตร์ John Wick: Chapter 4  (อ่าน 7 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Permalink: รีวิวภาพยนตร์ John Wick: Chapter 4

18/เม.ย./24 หัวข้อไอดี: 17704439 | ลิ้งค์หัวข้อ: /topic/17704439

ออนไลน์ Posthizzt555

  • ออนไลน์
  • 49149
    71129
    1



  • Grade I
  • *
  • สมัครสมาชิกเมื่อ 05/07/2017
    YearsYearsYearsYearsYearsYearsYears
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้ : 49149
  • Like Post : 1
  • Peny : 71129
  • 176563

    • ดูรายละเอียด


  • เข้าใช้งานล่าสุดเมื่อ 16 นาทีที่แล้ว


รีวิวภาพยนตร์ John Wick: Chapter 4 - แอคชั่นระห่ำจัดเต็มแบบไม่พักสู่บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ของจอห์น วิค 

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


ใครจะคิดจะฝันว่าเรื่องราวของนักฆ่าที่ออกตามล้างแค้นเพื่อสุนัขเพียงตัวเดียว จะถูกต่อยอดมาไกลได้ถึงขนาดนี้ หากนับตั้งแต่ John Wick ภาคแรกในปี 2014 ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้พระเอกที่อยู่ในช่วงขาลงแล้วอย่าง คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง มาจนถึง John Wick Chapter 4 ก็กินเวลาไปร่วมเกือบๆ 10 ปีเลยทีเดียว ต้องบอกว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ตัวแฟรนไชส์ John Wick และตัวของคีอานู รีฟส์ เองจะอยู่ในช่วงเวลาที่สุกงอม สง่างามและสมควรได้รับการจดจำอย่างสมเกียรติจากภาพยนตร์ภาคนี้นี่แหละ

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


John Wick 4 มีการยกระดับขึ้นจากภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เพราะในภาคนี้ถูกอัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่นจัดเต็มมากถึง 14 ฉาก และแต่ละฉากต้องใช้คำว่า “Masterpiece” จริงๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความพิถีพิถันของงานสร้างและการออกแบบคิวบู๊ ทั้งฉากไล่ล่ากันที่ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) ที่เป็นที่สุดของความตื่นเต้น หรือฉากที่หลายคนชื่นชอบและร้องว้าว นั่นคือ ฉากกล้องมุมสูงที่มาพร้อมกับปืนลูกซองพ่นไฟ (Dragon’s Breath) ฉากนี้เป็นส่วนผสมของมุมกล้องที่แปลกตาและประกายไฟจากปืนในอาคารมืดสลัว เมื่อจอห์น วิค ยิงปืนไฟออกมาแต่ละครั้ง มันช่างตื่นตาดีเหลือเกิน และที่สำคัญฉากนี้ใช้เทคนิคลองเทค (Long Take) ในการถ่ายทำ ซึ่งผลลัพธ์นั้นคือความมันส์ที่เกินบรรยายจริงๆ

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


หนำซ้ำการประลองปืนในฉากสุดท้ายของเรื่องก็ยังไม่วายที่จะสร้างเซอร์ไพร์สให้กับผู้ชมได้อีก ถึงจะเรียบง่ายแต่ก็ทรงพลัง เรียกว่าเป็นฉากจบเรื่องที่คู่ควรกับจอห์น วิค เหลือเกิน และฉากต่างๆ อีกมากมาย ทั้งฉากแอคชั่นที่โรงแรม Continental สาขาโอซาก้า ก็ดี หรือฉากบันได 222 ขั้นของวิหาร Sacré-Cœur ก็ดี ที่เล่นกับใจของผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด จนเห็นแล้วเหนื่อยแทนคุณวิคเลยจริงๆ (ในใจก็ร้องว่าพอเถอะ) จึงไม่แปลกใจ เมื่อผู้กำกับแชด
สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) ออกมาบอกว่าเขายังไม่มีแผนการที่จะสร้างภาคต่อในเร็ววันนี้แน่ๆ เพราะเขาได้ใส่ทุกอย่างเท่าที่ทำได้ไปในหนังภาคนี้จนหมดแล้วนั่นเอง


คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


และอาจจะบอกได้ว่า John Wick 4 เป็นอีกตัวอย่างของภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องด้วยฉากแอคชั่นได้ยอดเยี่ยมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะถึงแม้จะอัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่นมากมายอย่างที่บอกไป ซึ่งน่าจะเกินไปกว่าครึ่งเรื่องด้วยซ้ำที่เราได้ยินเสียงกระสุนปืนสาดใส่กัน แต่ตลอด 2 ชั่วโมง 49 นาทีของภาพยนตร์ กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่มีห้วงอารมณ์ของความเบื่อหน่ายในฉากแอคชั่นอยู่เลย โดยลักษณะของการวางฉากแอคชั่นในเรื่องนั้น มีลักษณะเป็นด่าน (Stage) ที่มีความตื่นเต้นมากน้อยสลับกันไป ต้องชื่นชมผู้กำกับแชด สตาเฮลสกี ที่รู้ว่าตรงไหนควรตื่นเต้น ตรงไหนควรผ่อนเครื่องบ้าง

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


ซึ่งฉากแอคชั่นทั้งหมดก็สอดรับกับการเล่าเรื่องที่ต้องใช้คำว่า “น้อยแต่มาก” เพราะถ้าพูดกันตามตรง ภาพยนตร์ชุดนี้ก็ไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรที่สลับซับซ้อนอยู่แต่แรกแล้ว แต่เสน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบง่ายๆ นี้ก็ทำงานอย่างได้ผลในภาคสุดท้ายนี้เช่นกัน จากที่ต้องหนีการตามล่าจากเหล่า “สภาสูง” (High Table) ในภาคก่อน กลายมาเป็นการโต้กลับเพื่ออิสระภาพ ระหว่างทางจึงเหลือช่องว่างให้สามารถใส่เรื่องราวของโลกนักฆ่าที่ว่าได้เรื่องของ “กฎ” เข้ามาได้อีก โดยในภาคนี้เราก็จะได้เห็นทั้ง กฎการรับเข้าตระกูล หรือ กฎการท้าดวลกับสภาสูง ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาและเราไม่สามารถคาดเดาได้จากเนื้อเรื่องที่ผ่านมา

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


นอกจากกฎในโลกนักฆ่าแล้ว John Wick ภาคนี้ยังมีการเพิ่มมิติของตัวเรื่องได้น่าสนใจ จะสังเกตว่า ตัวละครแต่ละตัวจะเชื่อมโยงกันด้วยสายสัมพันธ์ ทั้ง พ่อ-ลูก เจ้านาย-ลูกน้อง หรือความสัมพันธ์ของเพื่อนเก่า ซึ่งเดิมทีตัวละครจอห์น วิค เป็นตัวละครที่ว่างเปล่าและดูไร้มิติมาก (แถมพูดน้อยและขรึมอีกต่างหาก) ซึ่งเสี่ยงให้ผู้ชมเบื่อหน่ายได้ง่ายมาก แถมยังไม่เคยมีการเปิดเผยเรื่องราวของเขาเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างถูกเล่าผ่านการบอกเล่าจากปากตัวละครอื่นทั้งสิ้น

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


การแก้ลำนั้นทำโดยเพิ่มตัวละครเพื่อนของเขานอกจาก Winston และ Bowery King นั่นก็คือ ชิมาซุ (Shimazu) ผู้จัดการโรงแรม Continental สาขาโอซาก้า รับบทโดย ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Hiroyuki Sanada) ที่ให้ความช่วยเหลือจอห์น วิค โดยยอมแม้กระทั่งปะทะกับคนของมาร์คีส์ (Marquis) ทั้งๆ ที่รู้ว่าโรงแรมของเขาและตัวเขาจะต้องเสี่ยงอันตราย นั่นทำให้เราพอคาดเดาได้ว่าในอดีต จอห์น วิค ไม่ใช่คนที่เลวร้ายไปซะทีเดียว เขายังมุมที่สามารถมีเพื่อนแท้ได้ด้วย

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


และสหายอีกหนึ่งคนที่เข้ามายกระดับภาพยนตร์เรื่องนี้จนต้องปรบมือให้เลยจริงๆ นั่นคือ ตัวละครของดอนนี่ เยน (Donnie Yen) ในบทบาทนักฆ่าตาบอดยอดฝีมืออย่าง เคน (Caine) การเพิ่มมาของตัวละครนี้นอกจากศิลปะการต่อสู้และความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของดอนนี่ เยน ที่ยืนข้างกับคีอานู รีฟส์ ได้อย่างไม่ต้องกลัวหม่นหมองแล้ว เขายังเข้ามาสร้างมิติในการเป็นคู่ปรับที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับจอห์น วิค ได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นตัวละครที่พาพระเอกของเราไปสู่ทางลงที่น่าประทับใจมากๆ (เดิมทีตัวละครนี้จะใช้ชื่อว่า ชาง และใส่เสื้อคอเต่าแบบชาวจีนแท้ๆ แต่เป็นตัวของดอนนี่ เยน เองที่รู้สึกว่า ตัวละครของเขาควรจะดูดีแบบคนอื่นบ้าง จึงได้ทำการออกแบบตัวละครและเปลี่ยนชื่อใหม่ จนได้เป็นอย่างที่เราเห็นกันในเรื่อง)

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


ส่วนอีกคนที่เหมือนจะเป็นตัวละครเอาไว้แก้เลี่ยนแต่ก็มองข้ามไม่ได้เลยอย่าง นายไร้ตัวตนหรือ The Tracker (รับบทโดย Shamier Anderson) ก็เป็นอีกตัวละครมีบทบาทไม่น้อย โดยเขาเข้ามาเพื่อหวังจะล่าค่าหัวจอห์น วิค แต่ก็ต้องได้รับบทเรียนสำคัญกลับไป ซึ่งจุดนี้ก็ทำให้เราได้เห็นนิสัยใจคอของจอห์น วิค อีกด้านหนึ่งเหมือนกัน

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


จุดเด่นอีกอย่างที่ถูกยกระดับขึ้นมาและมันทำให้ภาพยนตร์ชุดนี้ดูเป็นตัวของตัวเองมาก หนีไม่พ้นเรื่องของสถานที่ที่เป็นฉากหลังของเรื่อง ที่ดูหรูหรา ตระการตา และมีความเป็นศิลปะสูงมาก ทั้งโรงแรม Continental สาขาโอซาก้าหรือสาขาเบอร์ลินเองก็ตาม หรือแม้แต่ฉากระหว่างที่ตัวละครพักจากการต่อสู้ ก็จะเป็นสถานที่ที่สวยงาม เช่น โบสถ์ ห้องโถงของโรงแรม เป็นต้น นี่ยังนับไปถึงเสื้อผ้าของตัวละครและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลาย รวมทั้งการถ่ายภาพ การจัดแสงและสี ที่ทำให้โลกของจอห์น วิค ดูหรูหรา มีสไตล์ของความเป็นชนชั้นสูง แต่กลับแฝงด้วยกลิ่นความเลือดและความตาย (ควรจะได้เข้าชิงออสการ์สาขาออกแบบงานสร้างสักครั้งเลยจริงๆ)

หากจะว่าถึงจุดที่น่าเสียดายอยู่ตรงที่ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นโลกของนักฆ่าที่กว้างกว่านี้ในภาคนี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะต้องรอดูในแฟรนไชส์อย่างซีรีส์ The Continental ก็เป็นได้ นั่นเลยทำให้ตัวละคร มาร์คีส์ ของ บิล สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) ยังคงเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของสภาสูงเท่านั้น และนักฆ่าร่างท้วมของ สก็อตต์ แอดคินส์ (Scott Adkins) ที่ก็ไม่เข้าใจว่าพี่จะอ้วนทำไม ตรงนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกคล้ายๆ กับภาคก่อนว่า เป็นแค่ตัวละครที่มาเพื่อให้จอห์น วิค สู้เก็บเลเวลเท่านั้น เพราะดูยังไงจอห์น วิค ก็คงไม่แพ้ (ถึงบอกว่าตัวละครเคนนั้นมีผลอย่างมากไม่ให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง) รวมถึงในส่วนของงานสตันท์ มีหลายครั้งที่ดูเหมือนจะเข้ามาเพื่อให้ถูกโดนจัดการ บางจังหวะอาจจะดูยั้งมือไปบ้าง ซึ่งมันค่อนข้างผิดธรรมชาติ แต่ก็เข้าใจได้ว่าด้วยฉากแอคชั่นที่ยาวขนาดนี้ ย่อมต้องมีแผลเล็กๆ เกิดขึ้นเป็นธรรมดา

สรุป John Wick: Chapter 4 เป็นภาคต่อที่ถูกยกระดับขึ้นมาจนถึงขีดสุดในทุกด้าน ทั้งในด้านของฉากแอคชั่นที่จัดเต็มแทบไม่มีเวลาพักหายใจกันเลยทีเดียว และในด้านเนื้อเรื่องที่เพิ่มตัวละครของ ดอนนี่ เยน เข้ามานับว่าเป็นการสร้างมิติให้กับทั้งเรื่องได้มากเลยไปจนถึงบทสรุปที่ยอดเยี่ยมตราตรึงใจ ภายใต้งานสร้างระดับหนังมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่เหมาะกับบทสรุปของมือปืนที่ทั้งโลกต้องหวาดกลัวผู้นี้

คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ


ขอบคุณข้อมูล
คุณไม่สามารถมองเห็น links ได้ กรุณา.สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ
https://movewinbet.one

ศูนย์รวมเกมสล็อตที่แจ็คพอตแตกง่ายที่สุด

LikePost โดย 0 สมาชิก :


 

Sitemap 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 
ร่วมขับเคลื่อนโดย